posttoday

ส่องทิศทางการลงทุน 7 บริษัทจีน 4.3 พันล้านในพื้นที่ EEC

18 กันยายน 2568

สกพอ. ลงนาม LOI ร่วม 7 บริษัทชั้นนำจีน เม็ดเงินลงทุนกว่า 4,300 ล้านบาท จุดประกาย “ยุคทองแห่งความร่วมมือเศรษฐกิจไทย–จีน”

KEY

POINTS

  • บริษัทชั้นนำ 7 แห่งจากเขตเศรษฐกิจพิเศษกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) ของจีน ได้ลงนามแสดงเจตจำนง (LOI) ที่จะลงทุนในพื้นที่ EEC มูลค่ารวมกว่า 4,340 ล้านบาท
  • การลงทุนมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ได้แก่ พลังงานสะอาด, เทคโนโลยีชีวภาพ, ยานยนต์สมัยใหม่, อากาศยานไร้คนขับ และนวัตกรรมการแพทย์
  • ความร่วมมือนี้ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนจีนต่อศักยภาพของ EEC ในฐานะศูนย์กลางการลงทุนและเป็นฐานเชื่อมต่อไปยังตลาดอาเซียนและตลาดโลก

ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย–จีนก้าวกระโดดอีกครั้ง เมื่อ ดร. จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) นำทีมลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงการลงทุน (LOI) ร่วมกับ 7 บริษัทชั้นนำจากเขตเศรษฐกิจพิเศษกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า (Greater Bay Area: GBA) ภายในงาน “Thailand–GBA Investment Gateway 2025: Unlock EEC Opportunities Forum” ณ สถานกงสุลใหญ่ นครกว่างโจว โดยมีคณะผู้แทนจากทั้งภาครัฐและเอกชนไทย–จีนร่วมเป็นสักขีพยานอย่างคับคั่ง

 

การลงนามครั้งนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 4,340 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย อาทิ พลังงานสะอาด เทคโนโลยีชีวภาพ ยานยนต์สมัยใหม่ อากาศยานไร้คนขับ และนวัตกรรมทางการแพทย์ ซึ่งไม่เพียงตอกย้ำศักยภาพของ EEC ในฐานะศูนย์กลางการลงทุนแห่งใหม่ของเอเชีย แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจจีนต่อประเทศไทยด้วย

 

ส่องทิศทางการลงทุน 7 บริษัทจีน 4.3 พันล้านในพื้นที่ EEC

 

การลงนาม LOI ดังกล่าว เป็นกิจกรรมไฮไลต์สำคัญ ภายในงาน “Thailand–GBA Investment Gateway 2025: Unlock EEC Opportunities Forum” ณ สถานกงสุลใหญ่ นครกว่างโจว ซึ่งเป็นการจัดงานร่วมกันระหว่าง สกพอ. สมาคมการค้าส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษไทย-จีน (SIDTA) และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว โดยมีการรวมตัวของภาครัฐและเอกชน พร้อมพันธมิตรด้านการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนจาก เขตเศรษฐกิจพิเศษ GBA เข้าสู่พื้นที่อีอีซี ซึ่งเป็นโครงการยุทธศาสตร์สำคัญของไทย และยกระดับความร่วมมือเชิงเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ในโอกาสเฉลิมฉลอง 50 ปีแห่งมิตรภาพไทย–จีน

 

 

นายกาจฐิติ วิวัธวานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว กล่าวว่า ความสัมพันธ์ไทย–จีนในระดับ “หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” (Comprehensive Strategic Partnership) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้การค้าการลงทุนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อนหน้า และโดยเฉพาะกับมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของจีน มีมูลค่าการค้ากับไทยคิดเป็น 1 ใน 4 ของมูลค่าการค้าทวิภาคีไทย-จีน

 

“ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนที่เชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ซึ่งเป็นทำเลเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานในการเชื่อมโยงทางโลจิสติกส์ เช่น ท่าเรือแหลมฉบังที่เป็นประตูสู่การค้าในภูมิภาค และการมีความตกลงการค้าเสรีกว่า 15 ฉบับ ทำให้นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยสามารถเข้าถึงตลาดกว่า 19 ประเทศแบบปลอดภาษี” กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว กล่าว

 

ส่องทิศทางการลงทุน 7 บริษัทจีน 4.3 พันล้านในพื้นที่ EEC

 

ดร. จุฬา สุขมานพ เลขาธิการสกพอ. กล่าวว่า ประเทศไทยต้องการยกระดับให้พื้นที่อีอีซีเป็นศูนย์กลางการลงทุนระดับโลก ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ ครอบคลุมมาตรการจูงใจด้านภาษี เขตปลอดอากร การอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่า การจัดสรรที่ดินที่เหมาะสม และการลดขั้นตอนอนุญาตต่างๆ เพื่อสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่เป็นมิตรอย่างแท้จริง

 

โดยสกพอ. จะมุ่งมั่นผลักดันการลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล การแพทย์และสุขภาพครบวงจร และ การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ โดยอีอีซี ไม่ใช่แค่โครงการไทย แต่เป็นโอกาสของภูมิภาค ที่จะสร้างห่วงโซ่อุปทานระดับโลกในอนาคต

 

"SIDTA" สะพานเชื่อมนักลงทุนจีน–EEC

บทบาทของ สมาคม SIDTA ได้รับการย้ำชัดในงานครั้งนี้ โดย Dr. Zonglin Guo นายกสมาคม SIDTA กล่าวว่าสมาคมเป็น “สะพานเชื่อม” สำคัญระหว่างนักลงทุนจีนและประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่จะเป็นฐานการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ของจีนในอาเซียน

 

“ปี 2025 ในวาระ 50 ปีแห่งมิตรภาพไทย–จีน จะเป็นจุดเริ่มต้นของ ยุคทองความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่จะผลักดันความเชื่อมั่นและการเติบโตอย่างยั่งยืนของทั้งสองประเทศ” Dr. Zonglin กล่าว

 

ด้านนายเอกพล ยวงนาค เลขาธิการ SIDTA เสริมว่า SIDTA ไม่ได้เป็นเพียงผู้ประสานงาน แต่ดำเนินงานแบบ One-Stop Solution ช่วยนักลงทุนเข้าถึงข้อมูล สิทธิประโยชน์ และเครือข่ายพันธมิตร พร้อมกันนี้ยังได้ลงนาม MOU กับสกพอ. เพื่อร่วมอำนวยความสะดวกการลงทุนอย่างเป็นระบบ

 

FACT: จีนกับ EEC

ตั้งแต่การเปิดตัวโครงการ EEC ในปี 2560 จีนถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งในพื้นที่ โดยเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ค่ายรถจีนหลายราย เช่น MG, Great Wall Motor, BYD เลือกลงทุนสร้างโรงงานผลิตในพื้นที่ EEC เพื่อป้อนตลาดอาเซียน

ด้านอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัล บริษัทเทคโนโลยีจีนลงทุนในโครงการ Smart City และศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล

ด้านโลจิสติกส์และการบิน นักลงทุนจีนสนใจสนามบินอู่ตะเภาและระบบรางไทย–จีนซึ่งจะเชื่อมโยง EEC เข้ากับจีนตอนใต้โดยตรง

ข้อมูลจาก BOI ระบุว่า จีนเป็นชาติที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนใน EEC สูงสุดติดต่อกันหลายปี คิดเป็นสัดส่วน กว่า 20–25% ของมูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดในพื้นที่

 

การลงนาม LOI ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงพิธีกรรมทางธุรกิจ แต่เป็น “จิ๊กซอว์สำคัญ” ของภาพใหญ่ที่สะท้อนถึงการผนึกกำลังทางเศรษฐกิจของสองประเทศ ไทยได้ใช้ EEC เป็นเวทีหลักดึงดูดเม็ดเงิน เทคโนโลยี และการจ้างงาน ขณะที่จีนได้ใช้ EEC เป็น “ฐานเชื่อมโลก” สู่ตลาดอาเซียนและระดับโลก

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท