ศาลปกครองกลาง สั่ง สรรหาเลขาธิการกสทช.ใหม่ “ประธาน” เสี่ยง 157
ศาลปกครองกลาง เพิกถอนการสรรหาเลขาธิการ กสทช. คำพิพากษา ตีความชัด “อำนาจการบริหารงานบุคคล การสรรหา – แต่งตั้งเลขาธิการ กสทช.เป็นอำนาจบอร์ดทั้งคณะ
ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ในคดีที่นางสุรางคณา วายุภาพ อดีตผู้เข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ฟ้อง นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และคณะกรรมการ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) การกระทำ ‘นอกเหนืออำนาจหน้าที่-ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ’ ในช่วงเดือน ก.ย. 2566 นั้น
ล่าสุด วันนี้ (25 มิ.ย. 2568) ตุลาการศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษาและมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการสรรหา และตีความชัดเจนว่าอำนาจการบริหารงานบุคคลรวมทั้งเรื่องสรรหาและแต่งตั้งเลขากสทช.เป็นอำนาจบอร์ดทั้งคณะ
ผลของคำพิพากษานั้น ส่งผลให้ต้องเริ่มการสรรหาใหม่ อย่างไรก็ดีผู้ถูกฟ้องคดีก็อาจอุทธรณ์ ซึ่งต้องทำภายใน 30 วัน
ด้านนางสุรางคณา กล่าวว่า คำพิพากษาของคดีนี้ ทำให้ผู้ถูกฟ้อง มีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องมาตรา 157 จะโดยผู้ฟ้องหรือ บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งก็ได้ ส่วนตัวขออ่านคำพิพากษาอย่างละเอียดก่อนแล้วคงจะมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพราะตนต้องการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายให้กับองค์กรที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติ องค์กรจะได้เข้าที่เข้าทาง
คำพิพากษาจะมีผลผูกพันให้ปฏิบัติตาม หากคำพิพากษาถึงที่สุดเมื่อไม่มีการอุทธรณ์ หรือถ้ามีการอุทธรณ์ต่อศาลสูงแล้ว ศาลเปลี่ยนแปลง กลับ หรืองดเสียซึ่งคำพิพากษา ตามมาตรา 70 วรรค 1
ทั้งนี้ นางสุรางคณา ได้ขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใน 2 ประเด็น ได้แก่
1.ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งหรือประกาศหรือคำวินิจฉัยผลการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ รวมทั้งการกระทำทางปกครองที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดโดยให้มีผลย้อนหลังนับตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ และใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ทำให้ผลการพิจารณาเกิดความไม่เป็นธรรม
2.ขอให้คณะกรรมการ กสทช. ออกระเบียบหรือประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการในคัดเลือกหรือการประเมินความรู้ความสามารถเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และให้ดำเนินการคัดเลือกหรือสรรหาเลขาธิการกสทช. ใหม่ให้ชอบด้วยกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ นางสุรางคณา และผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ กสทช. อีก 3 คน ได้แก่ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ ,นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ และผศ.พิเศษ พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ส่งหนังสือถึงประธาน และกรรมการ กสทช. แสดงการคัดค้านต่อหนังสือแจ้งผลการคัดเลือก เลขาธิการ กสทช. เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการพิจารณาคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ครั้งนี้ ไม่ได้แสดงถึงหลักการและเหตุผลในการพิจารณา รวมถึงเกณฑ์การให้คะแนน จึงอาจมีความไม่โปร่งใสและเป็นธรรม
จนท้ายที่สุดประธานกสทช.ใช้อำนาจตามกฎหมายในการเลือกนายไตรรัตน์ เป็นเลขาธิการกสทช.ท่ามกลางเสียงคัดค้านของบอร์ดกสทช.เสียงข้างมาก และเกิดคดีฟ้องร้องกันตามมา โดยนายไตรรัตน์ ได้ฟ้อง 4 กสทช.เสียงข้างมาก ที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกเลขาธิการกสทช.ของประธานกสทช.จนท้ายที่สุดศาลได้ยกฟ้องถึง 2 ครั้ง


