posttoday

ไปรษณีย์ไทย ทุ่มพันล.รับสงครามส่งด่วน รายใหญ่เซ ดันยอดโต 20%

21 มิถุนายน 2568

ไปรษณีย์ไทย ลงทุน 1,000 ล้านบาท วางระบบกระจายสินค้าอัตโนมัติ เผย อีคอมเมิร์ซโตแบบชะลอตัว เร่งเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แย้มรายใหญ่เซ ยอดไหลเข้าไปรษณีย์ไทย 20%

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ไปรษณีย์ไทยลงทุนเพิ่ม 1,000 ล้านบาท เพื่อวางระบบอัตโนมัติในศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ 19 แห่ง โดยเฉพาะศูนย์ราชบุรีที่ออกแบบให้รองรับการกระจายพัสดุภาคตะวันตกและภาคใต้โดยไม่ต้องผ่านกรุงเทพฯ ลดการแออัดในศูนย์กลาง และประหยัดต้นทุน ทั้งดำเนินการโหลดบาลานซ์และพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย ทำให้การคัดแยกพัสดุกว่า 240,000 ชิ้น/วัน มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

สำหรับภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันโตแบบชะลอตัว และแพลตฟอร์มกลายเป็นตัวกลางควบคุมระบบการขนส่ง ทำให้ไปรษณีย์ไทยประสบความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของปริมาณวอลลุ่มที่ผันผวนสูง เช่น การที่แพลตฟอร์มสามารถเปลี่ยนผู้ให้บริการขนส่งได้อัตโนมัติเมื่อเจอราคาถูกกว่า ส่งผลต่อคาปาซิตี้และต้นทุนคงที่ของบริษัท

ดังนั้น เพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์ม ไปรษณีย์ไทยหันมาบริหารพอร์ตลูกค้าใหม่ เน้นกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีความผันผวนต่ำ และเริ่มพัฒนาธุรกิจเฉพาะทาง "Specialized Logistics" โดยเฉพาะการส่งเวชภัณฑ์ทั้งของมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ที่ต้องการกระบวนการจัดการละเอียด เช่น การยืนยันตัวตนผู้รับยา การควบคุมอุณหภูมิ และการส่งตรงถึงบ้านภายในวันเดียวกัน

ไปรษณีย์ได้ตั้งยูนิตธุรกิจใหม่ “เฮลท์แคร์ ลอจิสติกส์” รองรับบริการนี้ พร้อมมาตรฐานสากล โดยเริ่มทดลองร่วมกับโรงพยาบาลสัตว์อย่างจุฬาฯ และมองว่าตลาดนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ยอมจ่ายเพื่อดูแลสัตว์เสมือนคนในครอบครัว ซึ่งเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่อยอดสู่การจัดส่งอาหารสัตว์และสินค้าที่เกี่ยวข้อง

แม้ปริมาณพัสดุจากกลุ่มนี้ยังไม่มากเท่าอีคอมเมิร์ซ แต่มีอัตราเติบโตสูง และมีความเสี่ยงต่ำ เพราะลูกค้ามาจากหลายแหล่ง ไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มเพียงไม่กี่ราย และยังสามารถสร้างแบรนด์และความสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยตรง

สำหรับพอร์ตธุรกิจของบริษัทประกอบด้วยรายได้จากการส่งโลจิสติกส์ประมาณ 45% ขณะที่กลุ่มรีเทลมีสัดส่วนราว 5% ส่วนที่เหลือเป็นบริการอื่น เช่น ฟูลฟิลเมนต์ในศูนย์คลังสินค้า 9 แห่งทั่วประเทศ และบริการแฟรนไชส์ร้านไปรษณีย์ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีจำนวนหลายร้อยแห่ง

นายดนันท์ กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยไม่ตั้งเป้ากำไรสูงสุด แต่เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจฐานราก ไม่เป็นภาระรัฐ และเน้นการแข่งอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะในภาวะที่หลายแพลตฟอร์มใช้วิธีลดราคา ส่งฟรี หรือจ่ายค่าขนส่งต่ำกว่าทุน เพื่อชิงวอลลุ่ม เมื่อแข่งขันไม่ได้ เอกชนรายเล็กทยอยตายจากตลาด เหลือผู้เล่นไม่กี่รายที่สามารถควบคุมราคาได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ไปรษณีย์ไทยได้ประโยชน์จากการที่บางผู้เล่นรายใหญ่ ปรับกลยุทธ์ออกจากอีคอมเมิร์ซ ทำให้วอลลุ่มกลับมาสู่บริษัท โดยการเติบโตของรายได้กว่า 20% มาจากการโยกวอลลุ่มจากรายอื่นเข้าสู่ระบบของไปรษณีย์ แต่ยังต้องเผชิญความท้าทายจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น เช่น การปรับฐานเงินเดือนข้าราชการย้อนหลัง และภาระเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งทำให้บริษัทต้องบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"