posttoday

"คลัง" ยันแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส3 จำนวน 2.7 ล้านคน ทันไตรมาส 2

06 พฤษภาคม 2568

เผ่าภูมิ รมช.คลัง การันตีรัฐบาลมีงบเพียงพอแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ยันเดินหน้าตามไทม์ไลน์เดิม แจกภายในไตรมาส 2 ปีนี้ เผยรอเศรษฐกิจโลกนิ่งก่อนเคาะมาตรการกระตุ้น

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท (เฟส 3) สำหรับเยาวชนไทยอายุ 16–20 ปี จำนวนประมาณ 2.7 ล้านคน ว่า แม้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้( 6 พ.ค.68) ยังไม่มีการพิจารณาโครงการแจกเงินเฟส3 โดยขณะนี้อย่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการตามไทม์ไลน์ เดิมในไตรมาส 2 ปี 2568 (เม.ย-มิ.ย. 2568) 

โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องพิจารณารอบด้าน เราจึงต้องรอฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ทั้งจากสภาพัฒน์ฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะเดียวกัน สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรง แต่ยืนยันว่าไทม์ไลน์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คืออยู่ในกรอบไตรมาส 2 ปีนี้ 

ทั้งนี้ นายเผ่าภูมิ ยืนยันว่า รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการ โดยเฟส 3 วงเงินดำเนินการราว 2.7 หมื่นล้านบาท  ดังนั้นจึงต้องรอความคิดเห็นอย่างรอบคอบ และครบถ้วนในทุกมิติ ในการตัดสินใจ มากกว่าการเร่งรัดเพื่อผลทางการเมือง 


นายเผ่าภูมิ ยังกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมว่า ขณะนี้โมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเริ่มเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะท่าทีของสหรัฐฯ ในการพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกไทยโดยตรง

 

เรายังไม่สามารถสรุปทิศทางได้ชัดเจน ต้องรอดูท่าทีของสหรัฐและจีนว่าความขัดแย้งทางการค้าจะยกระดับหรือไม่ เพราะหากเกิดขึ้นจริง อาจเปลี่ยนสมมติฐานพื้นฐานเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ทั้งหมด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหลายกระทรวง เช่น พาณิชย์ เกษตร ท่องเที่ยว และการต่างประเทศ เพื่อออกแบบมาตรการที่ตอบโจทย์ในแต่ละภาคส่วนได้ตรงจุด

 

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง การพิจารณาโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เป็นเรื่องที่ฝ่ายนโยบายต้องตัดสินใจร่วมกันอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีความพร้อมในด้านงบประมาณในการทำโครงการ และเป็นผู้เสนอแผนมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่การเดินหน้าโครงการต้องรอความคิดเห็นจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 

 

ส่วนรัฐบาลมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 ที่ยังเหลืออยู่ 150,000 ล้านบาท ซึ่งต้องมีการใช้ภายในปีนี้แน่นอน แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญของโครงการ โดยต้องตอบให้ได้ว่า อะไรควรทำก่อน ใช้งบงประมาณเท่าไร และสามารถทำได้เร็วแค่ไหน หากไม่พอก็ต้องกู้เพิ่มเติม

 

ทั้งนี้นายลวรณ ยอมรับว่า แม้จะมีงบประมาณพร้อม แต่โครงการลงทุนขนาดใหญ่ใช้เวลาดำเนินการนาน ไม่ทันความต้องการเร่งด่วนในการฟื้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง จึงต้องพิจารณาโครงการขนาดเล็กที่สามารถดำเนินการได้ทันทีเพื่อผยุงเศรษฐกิจไทยทันท่วงที 

“ต้องดูว่าอะไรทำได้เร็ว ตอบโจทย์ได้จริง ไม่ใช่แค่ลงทุนใหญ่แล้วรอผลอีก 2–3 ปี ดังนั้นต้องพิจารณาลงทุนในโครงการขนาดเล็กเพื่อสามารถให้เกิดผลได้เร็วขึ้น ”
 

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 14 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน