เปิดผลศึกษา ส.ว. ชี้ข้อดี-ข้อเสีย"เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
เปิดผลการศึกษาของวุฒิสภา ประเด็นการเปิด "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือ Entertainment Complex ในประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ประกอบการตั้งกรรมาธิการฯ
ในขณะที่ร่างกฎหมายเกี่ยวกับ "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือที่หลายคนเรียกว่า "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" กำลังอยู่ในกระบวนการเลื่อนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 จึงได้ขอให้รอคิวหลังจากเปิดสมัยประชุมสภาจึงจะเสนอบรรจุเป็นวาระพิจารณาอีกครั้ง แต่ทางวุฒิสภาได้เดินหน้าเตรียมความพร้อมด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะแล้ว
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ประชุมวุฒิสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 35 คน เพื่อศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีระยะเวลาทำงาน 180 วัน
เอกสารประกอบการพิจารณาของสำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้รวบรวมข้อมูลผลกระทบทั้งด้านบวกและลบที่อาจเกิดจากนโยบายนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
ทำไมต้องพิจารณาเรื่องนี้?
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้ธุรกิจการพนันถูกกฎหมาย ส่งผลให้:
-คนไทยจำนวนมากเดินทางไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมา
-บ่อนพนันผิดกฎหมายในไทยเพิ่มขึ้นและยากต่อการควบคุม
-สถิติคดีเกี่ยวกับการพนันเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 59.88 จาก 92,838 คดีในปี 2564 เป็น 148,425 คดีในปี 2565
กฎหมายปราบปรามการพนันของไทยที่ใช้อยู่คือ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งใช้มาแล้วกว่า 70 ปี มีข้อจำกัดหลายประการ:
-บทลงโทษไม่รุนแรงพอ
-ไม่ทันต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่
-ไม่สามารถจัดการกับการพนันที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม
สถานบันเทิงครบวงจรจะมีข้อดีอะไรบ้าง?
ด้านเศรษฐกิจ
-เพิ่มรายได้ให้ประเทศ: ธุรกิจบันเทิงครบวงจรสามารถสร้างรายได้มหาศาล ดังเช่นในมาเก๊า ลาสเวกัส และสิงคโปร์
-กระตุ้นการท่องเที่ยว: ไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว สามารถต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางความบันเทิงระดับภูมิภาค
-เงินหมุนเวียนในประเทศ: ลดการรั่วไหลของเงินที่คนไทยนำไปเล่นพนันต่างประเทศ
-รายได้ภาษี: ภาษีจากธุรกิจคาสิโนมักมีอัตราสูง สามารถนำมาพัฒนาประเทศได้
-การจ้างงาน: สร้างงานในพื้นที่ ทั้งงานโดยตรงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ด้านสังคมและการบริหารจัดการ
-ควบคุมได้มากขึ้น: รัฐสามารถกำกับดูแลการพนันได้ดีกว่าปล่อยให้ลักลอบเล่นอย่างผิดกฎหมาย
-ลดอิทธิพลมืด: ช่วยลดปัญหาผู้มีอิทธิพลที่ลักลอบเปิดบ่อนผิดกฎหมาย
-ลดอาชญากรรม: หากมีช่องทางถูกกฎหมาย อาจช่วยลดปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง
-พัฒนาหลักสูตรการศึกษา: เกิดหลักสูตรเฉพาะทางเพื่อผลิตบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมนี้
แล้วมีข้อเสียอะไรบ้าง?
ด้านสังคมและจริยธรรม
-ปัญหาการติดพนัน: อาจทำให้คนไทยติดการพนันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาการเงินและครอบครัว
-ปัญหาอาชญากรรม: อาจเป็นแหล่งรวมของปัญหาอาชญากรรม เช่น การฉ้อโกง ปล้น ลักทรัพย์
-ขัดต่อหลักศาสนา: การพนันและเที่ยวกลางคืนถือเป็นอบายมุขในทางพุทธศาสนาและขัดกับหลักการของศาสนาอื่นๆ
-ผลกระทบต่อเยาวชน: อาจส่งผลให้เด็กและเยาวชนไม่สนใจการเรียน หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด
ด้านเศรษฐกิจและการเมือง
-การฟอกเงิน: อาจเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย
-เงินนอกระบบ: อาจก่อให้เกิดปัญหาการกู้ยืมเงินนอกระบบ
-คอร์รัปชัน: อาจเป็นบ่อเกิดของการทุจริตคอร์รัปชัน
-ผลกระทบสิ่งแวดล้อม: การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่อาจกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่
ความท้าทายและโอกาส
การตัดสินใจเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คณะกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภามีเวลา 180 วันในการศึกษาผลกระทบอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญประกอบการตัดสินใจของประเทศ
หากมีการดำเนินการ จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดและครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะ:
-การป้องกันการฟอกเงิน
-การคัดกรองผู้เข้าใช้บริการ
-การป้องกันผลกระทบต่อเยาวชน
-การบำบัดและช่วยเหลือผู้ติดการพนัน
นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับผลกระทบทางสังคม ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการแสดงความคิดเห็นและหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทย


