posttoday

เปิดผลศึกษา ส.ว. ชี้ข้อดี-ข้อเสีย"เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"

06 พฤษภาคม 2568

เปิดผลการศึกษาของวุฒิสภา ประเด็นการเปิด "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือ Entertainment Complex ในประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ประกอบการตั้งกรรมาธิการฯ

ในขณะที่ร่างกฎหมายเกี่ยวกับ "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือที่หลายคนเรียกว่า "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" กำลังอยู่ในกระบวนการเลื่อนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร  เนื่องจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 จึงได้ขอให้รอคิวหลังจากเปิดสมัยประชุมสภาจึงจะเสนอบรรจุเป็นวาระพิจารณาอีกครั้ง แต่ทางวุฒิสภาได้เดินหน้าเตรียมความพร้อมด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะแล้ว

 

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ประชุมวุฒิสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 35 คน เพื่อศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีระยะเวลาทำงาน 180 วัน

 

เอกสารประกอบการพิจารณาของสำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้รวบรวมข้อมูลผลกระทบทั้งด้านบวกและลบที่อาจเกิดจากนโยบายนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

 

ทำไมต้องพิจารณาเรื่องนี้?

 

ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้ธุรกิจการพนันถูกกฎหมาย ส่งผลให้:

 

-คนไทยจำนวนมากเดินทางไปเล่นการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมา

-บ่อนพนันผิดกฎหมายในไทยเพิ่มขึ้นและยากต่อการควบคุม

-สถิติคดีเกี่ยวกับการพนันเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 59.88 จาก 92,838 คดีในปี 2564 เป็น 148,425 คดีในปี 2565

 

กฎหมายปราบปรามการพนันของไทยที่ใช้อยู่คือ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งใช้มาแล้วกว่า 70 ปี มีข้อจำกัดหลายประการ:

 

-บทลงโทษไม่รุนแรงพอ

-ไม่ทันต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่

-ไม่สามารถจัดการกับการพนันที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม

เปิดผลศึกษา ส.ว. ชี้ข้อดี-ข้อเสีย"เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"

 

สถานบันเทิงครบวงจรจะมีข้อดีอะไรบ้าง?

ด้านเศรษฐกิจ

 

-เพิ่มรายได้ให้ประเทศ: ธุรกิจบันเทิงครบวงจรสามารถสร้างรายได้มหาศาล ดังเช่นในมาเก๊า ลาสเวกัส และสิงคโปร์

-กระตุ้นการท่องเที่ยว: ไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว สามารถต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางความบันเทิงระดับภูมิภาค

-เงินหมุนเวียนในประเทศ: ลดการรั่วไหลของเงินที่คนไทยนำไปเล่นพนันต่างประเทศ

-รายได้ภาษี: ภาษีจากธุรกิจคาสิโนมักมีอัตราสูง สามารถนำมาพัฒนาประเทศได้

-การจ้างงาน: สร้างงานในพื้นที่ ทั้งงานโดยตรงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

 

ด้านสังคมและการบริหารจัดการ

 

-ควบคุมได้มากขึ้น: รัฐสามารถกำกับดูแลการพนันได้ดีกว่าปล่อยให้ลักลอบเล่นอย่างผิดกฎหมาย

-ลดอิทธิพลมืด: ช่วยลดปัญหาผู้มีอิทธิพลที่ลักลอบเปิดบ่อนผิดกฎหมาย

-ลดอาชญากรรม: หากมีช่องทางถูกกฎหมาย อาจช่วยลดปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง

-พัฒนาหลักสูตรการศึกษา: เกิดหลักสูตรเฉพาะทางเพื่อผลิตบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมนี้

 

แล้วมีข้อเสียอะไรบ้าง?

ด้านสังคมและจริยธรรม

 

-ปัญหาการติดพนัน: อาจทำให้คนไทยติดการพนันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาการเงินและครอบครัว

-ปัญหาอาชญากรรม: อาจเป็นแหล่งรวมของปัญหาอาชญากรรม เช่น การฉ้อโกง ปล้น ลักทรัพย์

-ขัดต่อหลักศาสนา: การพนันและเที่ยวกลางคืนถือเป็นอบายมุขในทางพุทธศาสนาและขัดกับหลักการของศาสนาอื่นๆ

-ผลกระทบต่อเยาวชน: อาจส่งผลให้เด็กและเยาวชนไม่สนใจการเรียน หากไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด

 

ด้านเศรษฐกิจและการเมือง

 

-การฟอกเงิน: อาจเป็นแหล่งฟอกเงินของธุรกิจผิดกฎหมาย

-เงินนอกระบบ: อาจก่อให้เกิดปัญหาการกู้ยืมเงินนอกระบบ

-คอร์รัปชัน: อาจเป็นบ่อเกิดของการทุจริตคอร์รัปชัน

-ผลกระทบสิ่งแวดล้อม: การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่อาจกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่

 

ความท้าทายและโอกาส

 

การตัดสินใจเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คณะกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภามีเวลา 180 วันในการศึกษาผลกระทบอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญประกอบการตัดสินใจของประเทศ

 

หากมีการดำเนินการ จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดและครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะ:

 

-การป้องกันการฟอกเงิน

-การคัดกรองผู้เข้าใช้บริการ

-การป้องกันผลกระทบต่อเยาวชน

-การบำบัดและช่วยเหลือผู้ติดการพนัน

 

นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับผลกระทบทางสังคม ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการแสดงความคิดเห็นและหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทย

 

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์