Apple แจงผลประกอบการไตรมาส 2 เจอศึกรอบด้าน เล็งย้ายฐานผลิต iPhone
สรุปทุกประเด็นร้อน Apple แจงผลประกอบการไตรมาส 2 ปรับฐานการผลิต, Siri โฉมใหม่ยังไร้วี่แวว, ก้มหน้าแบกต้นทุนบานกว่า 900 ล้านเหรียญ, สาวก iPhone ยังชะลอซื้อเครื่องใหม่
ในวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2025 Apple ได้ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ซึ่งรายงานผลออกมาแบบผสมผสาน ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับลดลงกว่า 3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
รายงานจาก Business Insider เผยว่า ระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์และนักลงทุน Apple ได้ให้ข้อมูลและมุมมองในหลากหลายประเด็นสำคัญ
ตั้งแต่สถานการณ์ภาษีนำเข้า ไปจนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคโดยมีประเด็นหลักที่น่าสนใจ ดังนี้:
Apple กับผลกระทบจากภาษีทรัมป์
ประเด็นแรกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือคือ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายภาษีนำเข้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณา
ซึ่ง Apple ประเมินว่าภาษีเหล่านี้อาจส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวว่า "การประเมินตัวเลขนี้ไม่ควรนำไปใช้คาดการณ์สำหรับไตรมาสในอนาคต เนื่องจากมีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อไตรมาสเดือนมิถุนายนนี้เป็นพิเศษ"
พร้อมทั้งย้ำว่าบริษัทจะยังคงบริหารจัดการอย่างรอบคอบ มุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว และให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเช่นเคย
Cook กล่าวเสริมว่า สำหรับไตรมาสเดือนมิถุนายนนี้ ความเสี่ยงด้านภาษีนำเข้าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาษีที่อ้างอิงกฎหมาย IEEPA ในเดือนกุมภาพันธ์ที่อัตรา 20% ซึ่งใช้กับการนำเข้าสู่สหรัฐฯ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม Cook ไม่ได้ให้ความชัดเจนว่า Apple จะเลือกแบกรับต้นทุนส่วนนี้เอง หรือจะผลักภาระให้ผู้บริโภคด้วยการปรับขึ้นราคาสินค้า
ผู้บริโภคชะลอซื้อ iPhone จากกระแสภาษีทรัมป์
ในประเด็นเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค Tim Cook ซีอีโอของ Apple ตอบคำถามจากนักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ว่า
บริษัทไม่พบ "หลักฐานบ่งชี้ที่ชัดเจน" ว่าลูกค้าเกิดความกังวลจากกระแสข่าวเรื่องภาษีนำเข้ามากจนถึงขั้นต้องรีบตัดสินใจซื้อ iPhone ใหม่ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple ในช่วงเวลานี้
Tim Cook ระบุว่า "หากพิจารณาจากสต็อกสินค้าในช่องทางการขาย ตั้งแต่ต้นไตรมาสจนถึงสิ้นไตรมาส ตัวเลขสต็อกสินค้ารายเครื่องไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple ยังคงใกล้เคียงกับตัวเลขเดิม"
อย่างไรก็ตาม Cook ยอมรับว่า Apple ได้พยายามซื้อสินค้าล่วงหน้าบางส่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีทรัมป์ แต่ความต้องการในตลาดโดยรวมยังคงค่อนข้างทรงตัว
Siri ยังเลื่อนเปิดตัว
สำหรับประเด็นด้านซอฟต์แวร์ Apple ยืนยันว่าจะเลื่อนการเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ๆ ของ Siri ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความอัจฉริยะมากขึ้นออกไปอีกครั้ง
คุณสมบัติเหล่านี้ รวมถึงความสามารถในการทำความเข้าใจเนื้อหาบนหน้าจอและการจดจำบริบทของการสนทนาก่อนหน้า ซึ่งเคยถูกประกาศว่าจะรวมอยู่ใน Apple Intelligence
เดิมทีฟีเจอร์นี้คาดว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ iOS 18 แต่กลับถูกเลื่อนออกไปแล้วครั้งหนึ่งในเดือนมีนาคม และล่าสุดยังไม่มีประกาศกำหนดการเปิดตัวใหม่ที่ชัดเจน
Tim Cook ชี้แจงว่า Apple ต้องการเวลาเพิ่มเพื่อพัฒนาฟีเจอร์เหล่านี้ให้สมบูรณ์ และเป็นไปตามมาตรฐานที่การันตีว่ามีคุณภาพสูง
Apple ย้ำ เดินหน้าลงทุนในสหรัฐฯ
Tim Cook ได้เริ่มต้นการแถลงผลประกอบการครั้งนี้ด้วยการเน้นย้ำถึงแผนการของ Apple ในการเพิ่มการผลิตและลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยกล่าวถึงแผนการลงทุนในประเทศมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้า
Cook กล่าวว่า "Apple กำลังขยายทีมและโรงงานในหลายรัฐ อาทิ มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา, เนวาดา, ไอโอวา, โอเรกอน, นอร์ทแคโรไลนา และวอชิงตัน"
พร้อมเสริมว่า Apple กำลังจะเปิดโรงงานแห่งใหม่สำหรับการผลิตเซิร์ฟเวอร์ขั้นสูงในเท็กซัส
แม้อัตราภาษีสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิป จะถูกระงับชั่วคราวเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ยังคงเตือนว่า
มีความเสี่ยงที่ภาษีเหล่านี้อาจกลับมาได้ทุกเมื่อ โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของ Apple ยังคงมีฐานการผลิตหลักอยู่ในประเทศจีน
Apple เล็งปรับฐานการผลิต iPhone
นอกจากแผนการลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว Cook ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนฐานการผลิต โดยระบุว่า
iPhone ส่วนใหญ่ที่จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ในไตรมาสเดือนมิถุนายนนี้ จะมีแหล่งผลิตและที่มาจากอินเดีย ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple ที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ จะมาจากเวียดนาม
อย่างไรก็ตาม Cook เสริมว่า จีนจะยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตหลักสำหรับผลิตภัณฑ์ Apple
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมเตือนว่า การผลิตในอินเดียอาจมีต้นทุนที่สูงกว่าการผลิตในจีนประมาณ 5% - 8% ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรและสร้างความท้าทายด้านโลจิสติกส์สำหรับ Apple
อนึ่ง อินเดียและเวียดนามเคยเผชิญอัตราภาษีนำเข้าของทรัมป์ที่ 26% และ 46% ตามลำดับ ก่อนที่รัฐบาลทรีมป์จะประกาศระงับภาษีชั่วคราว 90 วัน เมื่อวันที่ 9 เมษายน
ซึ่งหมายความว่า ภาษีตอบโต้พวกนี้อาจกลับมาได้อีกครั้งหากไม่มีการทำข้อตกลงเกิดขึ้นเมื่อครบกำหนด


