คดีพลิก สหรัฐฯปลดล็อกขายชิปให้จีน แต่รัฐบาลจีนอาจไม่อยากซื้อ
สหรัฐฯ พลิกนโยบายยอมขายชิป AI ตัวท็อปให้จีนหวังส่วนแบ่ง แต่รัฐบาลจีนอาจสั่งเบรกเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในและหนีกับดักความมั่นคงสหรัฐฯ
KEY
POINTS
- สหรัฐฯ เปลี่ยนนโยบายอนุญาตให้ Nvidia ส่งออกชิป AI รุ่นเรือธง H200 ไปยังจีนได้ แต่มีเงื่อนไขว่าสหรัฐฯ ต้องได้รับค่าธรรมเนียม 25% จากยอดขาย
- รัฐบาลจีนอาจปฏิเสธการซื้อ เนื่องจากต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมชิปในประเทศ, กังวลด้านความมั่นคงเรื่องการสอดแนม (Backdoor) และความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ
- แม้รัฐบาลจีนจะลังเล แต่เทคโนโลยีชิปของจีนยังตามหลังสหรัฐฯ อยู่มาก ทำให้ภาคเอกชนและสถาบันวิจัยยังมีความต้องการชิปประสิทธิภาพสูงจากสหรัฐฯ อย่างมหาศาล
เรารู้กันดีว่า สหรัฐฯ มองจีนเป็น คู่แข่งสำคัญ ในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ อิทธิพล และโดยเฉพาะสมรภูมิเทคโนโลยี จนนำไปสู่มาตรการกีดกันทางการค้าครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสกัดกั้นไม่ให้ เซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิปประมวลผลขั้นสูง หลุดไปถึงมือจีน ทวีความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ
แต่ทั่วโลกก็ต้องแปลกใจ เมื่อสหรัฐฯกลับลำส่งสัญญาณยอมปลดล็อกให้ขายชิปรุ่นใหม่ให้จีนเสียอย่างนั้น ทว่าเรื่องราวมันซับซ้อนกว่าภาพที่เห็น เพราะเมื่อประตูบานนี้เปิดออก รัฐบาลจีนกลับกลายเป็นฝ่ายลังเลที่จะเดินเข้าไปเสียเอง
เกิดอะไรขึ้นกับดีลหยุดโลกนี้? และทำไมจีนถึงอาจปฏิเสธของดีที่ตัวเองเคยอยากได้นักหนา?
จากนโยบาย "ปิดตาย" สู่การ "ยอมขาย" (แต่ขอส่วนแบ่งนะ)
ย้อนกลับไปช่วงปี 2022 รัฐบาลสหรัฐฯ งัดไม้แข็ง สั่งห้าม Nvidia และเหล่าบิ๊กเทคฯ ส่งออกชิป AI ระดับท็อปไปยังจีนอย่างเด็ดขาด ด้วยข้ออ้างเรื่องความมั่นคง โดยมีเป้าหมายคือการตัดแข้งตัดขาไม่ให้จีนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้การพัฒนา AI ของจีนชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด จนต้องหันไปทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนาอุตสากรรมชิปในประเทศ
แต่ล่าสุดสถานการณ์พลิกผันแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจไฟเขียวให้ Nvidia สามารถส่งออกชิปรุ่นเรือธงอย่าง H200 ไปยังจีนได้ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ สหรัฐฯ ต้องได้รับ ค่าธรรมเนียม 25% จากยอดขาย
ความเปลี่ยนแปลงนี้สร้างแรงกระเพื่อมและข้อถกเถียงดุเดือดในสหรัฐฯ ฝั่งหนึ่งมองว่าเป็นโอกาสโกยรายได้มหาศาลเข้าประเทศ แต่อีกฝั่งกังวลว่า นี่อาจเป็นการ ยื่นดาบให้ศัตรู เพราะการยอมสูญเสียความได้เปรียบทางเทคโนโลยีอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นคงในระยะยาว
ความจริงที่เจ็บปวด ชิปจีนยังคงสู้ไม่ได้
การพัฒนาอุตสาหกรรมชิปในประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนเกิดผลงานชิ้นโบแดงอย่าง Huawei Ascend 910C ที่เคลมว่าประสิทธิภาพเหนือกว่า H20 ชิปรุ่นรองที่ Nvidia เคยขายให้จีน แต่เมื่อนำมาวางเทียบกับตัวท็อปอย่าง Nvidia H200 ของสหรัฐฯ ก็นับว่ายังห่างชั้นกันอยู่มาก
ช่องว่างสำคัญระหว่าง Ascend 910C และ H200
- ขุมพลัง H200 เหนือกว่าทั้งหน่วยความจำ ความเร็วการส่งข้อมูล และกำลังประมวลผลเกือบ 2 เท่า
- เทคโนโลยี สหรัฐฯ ยังคงวิ่งนำหน้าจีนอยู่ราว 1-2 เจเนอเรชัน
- Ecosystem สิ่งที่เจาะยากที่สุดคือซอฟต์แวร์ CUDA ของ Nvidia ที่ครองโลก AI อยู่ การจะให้บริษัทต่างๆ รื้อระบบมาใช้ของจีนใหม่ทั้งหมด ต้องใช้ทั้งเวลาและต้นทุนมหาศาลซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก
ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาแม้จะไม่มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ชิป Nvidia ก็ยังทะลักเข้าจีนผ่านช่องทางตลาดมืด คาดการณ์ว่ามีเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยชั้นนำและสถาบันวิจัยที่จำเป็นต้องใช้ชิปประสิทธิภาพสูงในการเทรนโมเดล AI
การหาซื้อได้ง่ายอาจช่วยยกระดับอุตสาหกรรม AI จีนได้มาก แต่รัฐบาลจีนอาจเป็นฝ่ายจำกัดการซื้อขายแทน
ทำไมรัฐบาลจีนอาจ "ไม่ปลื้ม" ดีลนี้?
ในมุมมองของเอกชนจีน การได้ใช้ H200 จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรม แต่ในมุมของ รัฐบาลปักกิ่ง การกลับมาพึ่งพาสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการ
1.การเติบโตของอุตสาหกรรมชิปในประเทศ รัฐบาลจีนกำลังทุ่มสุดตัวเพื่อปั้นผู้ผลิตชิปในประเทศ รวมถึงสร้างรากฐานชุมชน AI ด้วยการปล่อยโมเดลแบบ Open Source ให้คนใช้ฟรีเพื่อสร้าง Ecosystem ของตัวเอง หากปล่อยให้ Nvidia เข้ามา ทุกอย่างอาจกลับสู่จุดเดิมจนที่ทุ่มเทมาสูญเปล่าและส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ
2.ความมั่นคงประเทศ ในยุคที่ชิปและ AI คือโครงสร้างพื้นฐานของชาติ จีนกังวลอย่างยิ่งเรื่อง Backdoor หรือการที่สหรัฐฯ อาจฝังระบบสอดแนม จารกรรมข้อมูล หรือแม้แต่สั่งหยุดระบบจากระยะไกล ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงระดับวิกฤตหากนำไปใช้ในระบบรัฐบาลหรือยุทโธปกรณ์ทางทหาร
3.ความไม่แน่นอนของนโยบาย บทเรียนในอดีตสอนให้รู้ว่านโยบายสหรัฐฯ เอาแน่เอานอนไม่ได้ วันนี้ยอมขาย พรุ่งนี้อาจสั่งแบนอีกเพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง การเอาอนาคตไปผูกไว้กับคู่แข่งจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาด
ด้วยเหตุนี้หน่วยงานกำกับดูแลไซเบอร์ของจีน (CAC) จึงตรวจสอบชิปนำเข้าอย่างเข้มงวด และพยายามกดดันให้ดาต้าเซ็นเตอร์ของรัฐเลี่ยงใช้ของ Nvidia และหันมาใช้ชิปในประเทศ
แม้เกมการเมืองเบื้องบนจะดุเดือดและเต็มไปด้วยเหลี่ยมคม แต่ปฏิกิริยาของตลาดหุ้นคือของจริง ทันทีที่มีข่าวนี้ หุ้น Nvidia พุ่งขึ้นทันที 2% สะท้อนว่าความต้องการชิป AI ในจีนยังมหาศาล คงต้องจับตามองต่อไปว่า การผ่อนผันของสหรัฐฯในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีโลกในทิศทางใด
ที่มา


