Apple โอด! ต้นทุนพุ่งอย่างต่ำ 900 ล้านดอลลาร์ เซ่นภาษีทรัมป์
ภาษีทรัมป์เล่นงาน Apple อ่วม! ทิม คุก แจงผลประกอบการ Apple ไตรมาสนี้ คาดต้นทุนพุ่งอย่างต่ำ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 30,000 ล้านบาท
ทิม คุก ซีอีโอ Apple เผยถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมแถลงผลประกอบการล่าสุด
โดยประเมินว่าบริษัทจะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีเป็นจำนวนอย่างน้อย 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสปัจจุบัน (ไตรมาสเดือนมิถุนายน)
สำนักข่าว The Washington Post รายงานว่า ในระหว่างการแถลงผลประกอบการเมื่อวันพุธ ทิม คุก ได้ให้รายละเอียดที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
เกี่ยวกับวิธีที่ Apple กำลังรับมือต่อมาตรการภาษีนำเข้าที่บังคับใช้โดยประธานาธิบดีทรัมป์ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจของบริษัท โดยระบุว่า
"ภายใต้สมมติฐานที่อัตราภาษีตอบโต้ระดับโลก นโยบาย และการบังคับใช้ในปัจจุบันยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งไตรมาสที่เหลือ และไม่มีการเพิ่มภาษีใหม่ เราประมาณการว่าผลกระทบดังกล่าวจะเพิ่มต้นทุนให้กับ Apple ถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ"
อย่างไรก็ตาม เขาย้ำชัดเจนว่า "การประมาณการนี้ไม่ควรนำไปใช้ในคาดการณ์สำหรับไตรมาสในอนาคต เนื่องจากมีปัจจัยเฉพาะบางประการที่เป็นประโยชน์ต่อไตรมาสเดือนมิถุนายน"
ในช่วงการซักถามหลังการแถลงผลประกอบการ ทิม คุก ได้ขยายความถึงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด โดยระบุว่า
สำหรับไตรมาสเดือนมิถุนายน iPhone ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะมาจากฐานการผลิตในอินเดีย
ในขณะที่ iPad, Mac, Apple Watch และ AirPods เกือบทั้งหมดที่ขายในสหรัฐฯ จะผลิตในเวียดนาม
ส่วนจีนยังคงเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับยอดขายโดยรวมนอกสหรัฐฯ
ในส่วนของภาษีที่กระทบกับ Apple ในไตรมาสเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนใหญ่มาจากภาษีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย IEEPA ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ในอัตรา 20% สำหรับสินค้านำเข้าสหรัฐฯ ที่ผลิตในจีน
นอกจากนี้ ยังมีภาษีเพิ่มเติมอีก 125% ที่ประกาศในเดือนเมษายนสำหรับสินค้านำเข้าบางประเภทจากจีน เช่น ธุรกิจ AppleCare และอุปกรณ์เสริมบางส่วนในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้อัตราภาษีรวมสำหรับสินค้าเหล่านี้ที่มาจากจีนสูงขึ้นอย่างน้อย 145%
เพื่อให้เกิดความชัดเจน ปัจจุบัน สินค้าหลักส่วนใหญ่ของ Apple อย่าง iPhone, Mac, iPad, Apple Watch และ Vision Pro ยังไม่ถูกรวมอยู่ในรายการสินค้าที่ต้องเสียภาษีตอบโต้ซึ่งประกาศในเดือนเมษายน
โดยเป็นผลจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เปิดการไต่สวนตามมาตรา 232 เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเซมิคอนดักเตอร์
สำหรับมาตรา 232 นี้มีวัตถุประสงค์ให้สหรัฐฯ สามารถป้องกันความมั่นคงของประเทศจากสินค้านำเข้าที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในสหรัฐฯ
ในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยใช้มาตรา 232 เพื่อขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมจากหลายชาติ โดยอ้างว่าการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจำนวนมากส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
จากคำอธิบายดังกล่าว ส่อเค้าว่า Apple อาจประเมินว่าต้นทุนจากภาษีอาจสูงขึ้นในอนาคต เมื่อปัจจัยเฉพาะที่ช่วยจำกัดผลกระทบในไตรมาสเดือนมิถุนายนหมดไป แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ยืนยันอย่างชัดเจนก็ตาม
ทิม คุก ทิ้งท้ายว่า Apple จะยังคงบริหารจัดการบริษัทด้วยความรอบคอบและตัดสินใจอย่างระมัดระวังเช่นเดิม


