ครม.เคาะ 2 มาตราการแก้หนี้ Non-Banks พร้อมขยายเวลาโครงการคุณสู้ เราช่วยถึง 30 เม.ย.นี้
ครม. ไฟเขียว Non-Banks ร่วมแก้หนี้ครัวเรือน ผ่านโครงการคุณสู้-เราช่วย ผ่อน 70% ลดดอก 10% หนี้ต่ำ 5,000 จ่าย 10% ปิดจบทันที พร้อมขยายระยะเวลาร่วมโครงการทั้งเฟส 1 และเฟส2 ไปจนถึง 30 เม.ย.68
มาตรการที่ 1 “ลดผ่อน ลดดอก” เป็นการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยด้วยการลดภาระค่างวดและภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี สำหรับ (1) สินเชื่อวงเงินผ่อนชำระ (installment loan) ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลและสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) โดยให้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 70% ของค่างวดเดิม และ (2) สินเชื่อวงเงินหมุนเวียน (revolving credit) ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันประเภทบัตรกดเงินสด โดยให้แปลงเป็นสินเชื่อแบบผ่อนชำระรายเดือน ชำระค่างวดไม่ต่ำกว่า 2% ของยอดคงค้างสินเชื่อก่อนทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ตามมาตรการ รวมทั้งลูกหนี้จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 10% จากอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม โดยต้องเป็นลูกหนี้สินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567
โดยมีสถานะบัญชีและคุณสมบัติตามที่กำหนด รวมถึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการ เช่น ลูกหนี้ต้องไม่ก่อหนี้เพื่ออุปโภคบริโภคเพิ่มในช่วง 12 เดือนแรกที่เข้าร่วมมาตรการ
มาตรการที่ 2 "จ่าย ปิด จบ" เป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้รายย่อยที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) และมียอดคงค้างหนี้ไม่สูง (ไม่เกิน 5,000 บาท) ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยลูกหนี้จะชำระหนี้บางส่วนเพื่อให้สามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ทำให้ลูกหนี้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจัด Soft Loan สำหรับ Non-Banks ของธนาคารออมสิน วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี และกำหนดให้วงเงินสินเชื่อของ Non-Banks แต่ละรายขึ้นอยู่กับการสูญเสียรายได้ของ Non-Banks แต่ละแห่งที่เกิดจากการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ครั้งนี้
สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารออมสินคิดกับ Non-Banks อยู่ที่ 0.01% และรัฐบาลจะชดเชยส่วนต่างให้ธนาคาร 2% คิดเป็นวงเงิน 3,000 ล้านบาทตลอดโครงการ
อย่างไรก็ตาม Non-Banks ที่จะเข้าร่วมโครงการฯต้องติดต่อกับธนาคารออมสินก่อน เพราะเป็นโครงการตามความสมัครใจ ไม่ได้เป็นการเข้าร่วมโครงการโดยอัตโนมัติแต่อย่างใด
คุณสู้ เราช่วย”จะช่วยแก้หนี้ จะดูแลความเป็นอยู่ของลูกหนี้ให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนแบบเข้มข้นของรัฐบาลสำหรับลูกหนี้ของ Non-Banks สมัครเข้าร่วมได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo โดยครม.ยังได้ขยายเวลาการลงทะเบียนร่วมโครงการ ทั้งเฟส1 และเฟส2 จากเดิม 28 ก.พ.68 เป็นถึง 30 เม.ย. 68
นายเผ่าภูมิ มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิด Moral Hazard หรือจงใจผิดนัดชำระหนี้เพื่อรับโอกาสการช่วยเหลือจากรัฐบาล เพราะมีการพิจารณาย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 67 ดังนั้นจะแกล้งเป็น NPL ไม่ทันแล้ว ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ที่รัฐบาลมีความตั้งใจเพื่อต่อลมหายใจให้คนไทยที่เป็น NPL สามารถฟื้นตัวกลับมาชำระหนี้ได้ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการเพียงครั้งเดียว เนื่องจากใช้เม็ดเงินดำเนินโครงการมหาศาล
สำหรับโครงการ คุณสู้ เราช่วย เฟส1 เป็นโครงการสำหรับลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ และสถาบนการเงินเฉพาะกิน (SFLs)
ประกอบด้วย 2 มาตรการ
มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์”
สำหรับผู้ที่มีหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้รถจักรยานยนต์ และหนี้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันไว้ได้ โดยปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด เพื่อให้ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ในขณะที่ดอกเบี้ยจะถูกตั้งพักไว้เป็นเวลา 3 ปี และหากผู้เข้าร่วมโครงการปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข ดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ
(1) ลดค่างวด เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ (เพิ่มแบบขั้นบันได) ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น
(2) พักดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีของมาตรการ และไม่ก่อหนี้เพิ่มในช่วง 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วม
ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนด เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น
คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้
(1) มีวงเงินสินเชื่อรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกินที่กำหนด โดยพิจารณาแยกวงเงินในสัญญา (ต่อสถาบันการเงิน) ตามประเภทสินเชื่อ ดังนี้
o สินเชื่อบ้าน / บ้านแลกเงิน (Home for cash) วงเงินรวมไม่เกิน 5 ล้านบาท
o สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 8 แสนบาท
o สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 5 หมื่นบาท
o สินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินรวมไม่เกิน 5 ล้านบาท
o กรณีหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลและหนี้บัตรเครดิต หากมีหนี้บ้านหรือหนี้รถที่เข้าเงื่อนไขข้างต้น สามารถพิจารณาเข้ามาตรการรวมหนี้ ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่สถาบันการเงินรับได้ โดยวงเงินรวมต้องไม่เกินที่กำหนด
(2) เป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567
(3) มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
(3.1) เป็นหนี้ที่ค้างชำระ มากกว่า 30 วันแต่ไม่เกิน 365 วัน นับจากวันที่ครบกำหนด
(3.2) เคยปรับโครงสร้างหนี้ (ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 จากการค้างชำระเกิน 30 วัน นับจากวันที่ครบกำหนด)
เงื่อนไขของการเข้าร่วมมาตรการ
(1) กู้เพิ่มไม่ได้ ลูกหนี้ต้องไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่ม ใน 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วมมาตรการ ยกเว้น กรณีสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามความเหมาะสม
(2) จะถูกรายงานข้อมูลใน NCB ว่าเข้าร่วมมาตรการ
(3) หากไม่สามารถชำระค่างวดขั้นต่ำได้ตามที่กำหนด หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ได้ เช่น ก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้
(4) หากสัญญาสินเชื่อมีผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่
มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ”
สำหรับผู้ที่มีหนี้เสีย และยอดหนี้ไม่สูง จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน เพื่อให้สามารถชำระหนี้ ปิดบัญชีได้เร็วขึ้นพร้อมเริ่มต้นใหม่
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ
ลูกหนี้สามารถชำระหนี้บางส่วน เพื่อให้สามารถจ่าย และปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น
คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้
(1) ลูกหนี้บุคคลธรรมดาทุกประเภท ที่มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน (NPL)
(2) มีภาระหนี้รวมดอกเบี้ย ไม่เกิน 5,000 บาท ต่อบัญชี โดยไม่จำกัดประเภทสินเชื่อ (หากเข้าเงื่อนไขสามารถเข้าร่วมมาตรการได้ทุกบัญชี)
ในระยะต่อไปผู้ประกอบธุรกิจกลุ่ม Non-Bank อื่น ๆ จะมีมาตรการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างขอให้ติดตามศึกษารายละเอียดประกอบการสมัครเข้าร่วมมาตรการอีกครั้ง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการช่วยลดความเสี่ยงในกระบวนการขอสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะ ซึ่งปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่กำลังซื้อ แต่เป็นที่สภาพคล่องและเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อาจเข้มงวดเกินไป ขณะนี้กำลังหารือกับหลายฝ่ายเพื่อหาวิธีสร้างกลไกและแรงจูงใจในการช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากลิสซิ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยืนยันว่าอยู่ระหว่างการนี้กำลังดำเนินการอยู่
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เบื้องต้น มี Non-Banks เข้าร่วมมาตรการได้แก่บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่ามีลูกหนี้ของ Non-Banks เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือราว 1.7 ล้านบัญชียอดคงค้างประมาณ 50,000 ล้านบาท


