posttoday

เปิดต้นตระกูลอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ พี่ใหญ่อสังหาฯ จากรุ่นย่า ถึงหลาน

29 มกราคม 2568

เปิดต้นตระกูลอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มูลค่า 9 หมื่นล้าน ครอบครัว “อัศวโภคิน” จากคุณย่าเพียงใจผู้ริเริ่ม -คุณพ่ออนันต์ บริหารต่อ จนถึงอาชวิณ ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้เข้ามาดูแลด้านการเงิน

KEY

POINTS

  • เปิดต้นตระกูลอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ครอบครัว “อัศวโภคิน”
  • จากเพียงใจ หาญพานิชย์ ผู้ริเริ่มธุรกิจซื้อขายที่ดิน ทำโครงการหมู่บ้าน 
  • อนันต์ อัศวโภคิน เข้ามาช่วยงานและบริหารต่อ ขยับขยายอาณาจักรนอกเหนือที่อยู่อาศัย สู่ธุรกิจอื่น ๆ 
  • จนถึงอาชวิณ อัศวโภคิน ทายาทรุ่นที่ 3 เข้ามาดูแลด้านการเงินสานต่อธุรกิจของต้นตระกูล

แลนด์แอนเฮ้าส์ เป็นหนึ่งในพี่ใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ประสบความสำเร็จจากการขยายอาณาจักรมากมาย หากดูจากข้อมูลปีนี้มีทั้งหมดกว่า 75 โครงการ มูลค่าประมาณ 93,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าแนวราบ 69 โครงการ มูลค่า 79,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ากว่า 13,500 ล้านบาท

และนอกเหนือจากโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว ธุรกิจของแลนด์ยังครอบคลุมไปถึงธุรกิจที่เป็นศูนย์รวมสินค้าวัสดุสร้างบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ขณะเดียวกันก็ยังมีธุรกิจการเงิน อย่างธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHBANK), หรือแม้แต่ธุรกิจอสังหาฯ เพื่อให้เช่าและบริการอย่างโรงแรม และศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 

เพียงใจ เจ้าแม่ที่ดินผู้ริเริ่ม 

หากย้อนดูจุดเริ่มต้นของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ กว่าจะมาถึงวันนี้ นับเป็นความพยายามของ “เพียงใจ หาญพานิชย์” ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มเมื่อปี 2502 ตั้งแต่ค้าขายที่ดินตามคำเชิญชวนของลูกค้าจนกลายเป็นเจ้าแม่ที่ดินในยุคนั้น ก่อนจะขยับขยายพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 

เดิมครอบครัวอัศวโภคินนั้น ทำธุรกิจร้านขายผ้าอยู่แถวสะพานหัน เนื่องจาก “เพียงใจ” ได้สมรสกับ “บุญทรง อัศวโภคิน” ทายาทของเจ้าของร้านขายผ้าในตลาดสำเพ็ง มีบุตร-ธิดา ร่วมกัน 4 คน ได้แก่

  • ทรงพล อัศวโภคิน
  • อนันต์ อัศวโภคิน
  • สุดา อัศวโภคิน
  • อนุพงษ์ อัศวโภคิน

ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง 4 คนต่างมีโปรไฟล์เป็นนักธุรกิจและผู้บริหารแวดวงอสังหาฯ เช่นเดียวกัน 
 

เพียงใจเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเป็นครั้งแรก ด้วยการตั้งห้างขายผ้าสีวลี และโรงรับจำนำมั่งหลี แต่ด้วยสายตาแหลมคมที่มองขาดเรื่องทำเลนั่นเอง ทำให้เพียงใจเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดินในปี 2502 ด้วยการซื้อ-ขายที่ดิน สั่งสมประสบการณ์ด้วยตนเอง จากนั้นปี 2504 เริ่มทำโครงการจัดสรรที่ดินครั้งแรกแถวประชาชื่น 

จนมาถึงปี 2508 ได้เริ่มสร้าง “โรงแรมแมนดาริน” อยู่ตรงถนนพระราม 4 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2511 นับเป็นโรงแรมแห่งแรกของธุรกิจครอบครัวก็ว่าได้

เริ่มทำหมู่บ้าน “บุตรชาย” เข้ามาช่วยงาน

ทั้งนี้ข้อมูลบนเว็บไซต์ของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ระบุว่า บริษัทเริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยก่อนหน้านั้นระหว่างปี 2514-2515 เพียงใจ เริ่มขยับขยายทำโครงการหมู่บ้านร่วมกับญาติๆ ช่วงแรกทำหมู่บ้านศรีรับสุข ที่บ้านบางเขน กว่า 100 ยูนิต

ทั้งยังได้พัฒนาบ้านเดียวและทาวน์เฮ้าส์ จำนวนกว่า 1,000 ยูนิต ในโครงการสุขนที ย่านลาดปลาเค้า และโครงการหมู่บ้านประชาชื่น ย่านประชานิเวศน์ 2 และช่วงนี้เองที่ “อนันต์ อัศวโภคิน” บุตรชายคนที่สองได้เข้ามาช่วยงานเป็นครั้งแรก 

ว่ากันว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่อนันต์ กำลังมีแผนจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่ไป ๆ มาๆ กลับได้มาช่วยงานถาวร

ทรัพย์สินที่สร้างไว้ ให้ “อนันต์” รับไม้ต่อ 
ก่อตั้งเป็นบริษัท ผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ 

อนันต์ ช่วยมารดาอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายได้มาทำอย่างจริงจัง จนเป็นอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ถึงทุกวันนี้ เพราะในช่วงที่อนันต์เข้ามา ก็ได้มีการจัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทจำกัดในปี 2526 

แต่สุดท้ายเพียงใจก็วางมือจากงานบริหาร ส่งต่อให้อนันต์ เป็นผู้ดูแล และภายหลังต่อมาบริษัทได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ กลายเป็น “บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)" เมื่อ ปี 2532 

เปิดต้นตระกูลอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ พี่ใหญ่อสังหาฯ จากรุ่นย่า ถึงหลาน

เผชิญวิกฤตต้มยำกุ้ง-เดินหน้ากลยุทธ์สร้างบ้านเสร็จค่อยขาย

ประสบการณ์ของผู้เป็นมารดาผนึกรวมกับการบริหารจัดการแบบสมัยใหม่ของ อนันต์ อัศวโภคิน ทำให้ในยุคของอนันต์ มีผลงานออกมาตลอด ธุรกิจโตวันโตคืน แต่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เพราะปี 2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ก็เกือบทำบริษัทล้มละลายไปเช่นกัน เนื่องจากขาดทุนกว่าหมื่นล้าน เพราะกู้เงินเป็นดอลลาร์สหรัฐ แต่รายได้ที่เป็นเงินบาทเมื่อเกิดการลดค่าเงิน ต้นทุนจึงสูงขึ้นเป็นเท่าตัว 

ต่อมามีการเจรจากับเจ้าหนี้ปรับโครงสร้างทางการเงินจนผ่านพ้นมาได้ จากนั้นจึงได้เริ่มทำโฆษณา แคมเปญรวบรวมบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ถูกลูกค้าทิ้งดาวน์ นำมาจัดขายในราคาพิเศษ และนี่เองได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ อนันต์ เริ่มใช้กลยุทธ์ “การสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าว่า สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีที่ตัดสินใจซื้อ ซึ่งยังเป็นกลยุทธ์หลักจนถึงทุกวันนี้

ขยับขยายสู่ธุรกิจอื่นนอกจากขายบ้าน 

สำหรับอนันต์แล้ว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่เขายังมองถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบอื่น ๆ อีกเช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงศูนย์การค้า และอีกธุรกิจที่นับว่าโดดเด่นคือการปลุกปั้นโฮมโปร และ Q-CON ที่ขายเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์สร้างบ้าน ตกแต่งบ้าน อุปกร์เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ 

รวมถึง Terminal 21 อโศก เกิดขึ้นจากความคิดของอนันต์ ในการนำเอา Food Court เป็นจุดขาย โดยโครงการไม่ได้เก็บค่าเช่า แต่ร้านอาหารที่เลือกมาจะต้องยอมขายในราคาที่ถูกกว่าที่อื่นและไม่มีการขึ้นราคา ก่อนขยับขยายไปยังพัทยา และพระราม 3 ในภายหลัง 

ก่อนจะลดบทบาทลงในภายหลังเมื่อราวปี 2560 โดยมีนพร สุนทรจิตต์เจริญ ช่วยบริหาร แต่อนันต์ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และนั่งเป็นกรรมการในหลายบริษัท

จึงเป็นที่มาที่อนันต์ ได้รับฉายาว่าเป็น “เจ้าพ่ออสังหาฯ” และติดอันดับ 1 ใน 30 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2566 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ (Forbes Thailand) โดยมีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 4.22 หมื่นล้านบาท

ทายาทรุ่น 3 เข้ามาในอาณาจักรแลนด์

จนมาถึงปี 2566 ชื่อของ “อาชวิณ อัศวโภคิน” ซึ่งเป็นบุตรของนายอนันต์ เข้ามาในฐานะผู้ดูแลการเงินการบัญชีของบริษัท ในตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารสูงสุดด้านการเงิน โดยนอกเหนือจากการดูแลด้านการเงิน ยังมีบทบาทดูแลในเรื่องของไอทีของบริษัท ในการนำเอไอเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร อำนวยความสะดวกของลูกค้า

อีกทั้งยังมีแนวคิดว่า “บทบาทของการเงิน คือส่วนซัพพอร์ตองค์กรอยู่เบื้องหลัง และการเข้าใจลูกค้าให้มาก"

ธุรกิจในเครือของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันแลนด์แอนด์เฮ้าส์ มีธุรกิจที่อยู่ในเครือ หลากหลาย โดยธุรกิจหลักขายที่อยู่อาศัยทั้งประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี หัวหิน ภูเก็ต มหาสารคาม และอยุธยา 

ทั้งยังมี บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน),

กลุ่มโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ (เพลินจิต, ราชดำริ, อโศก, สุขุมวิท55, พัทยา, สุรวงศ์ กำลังจะเปิดที่ลุมพินี และราชดำริ2 แกรนด์ เซนเตอร์พอยต์ สเปซ พัทยา,

ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 (อโศก,พัทยา และพระราม 3) 

และมีการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ อะพาร์ตเมนต์ โครงการ Parc, Yard, Revere, โรงแรม 2 แห่ง โครงการ Spring Hill , Residence Inn เบื้องต้นอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนเพิ่มเติม เป็นต้น

 

ข่าวล่าสุด

หลีกหนีความวุ่นวาย ฉลองปีใหม่สุดหรูบนเกาะส่วนตัวที่ นาคา ไอแลนด์