พาณิชย์ แนะเทรนสินค้า คว้าโอกาสตลาดใหม่กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก
พาณิชย์ ชี้โอกาสส่งออกไทยสู่ตลาด เม็กซิโก ชิลี เปรู และโคลอมเบีย แนะเจาะตลาด อุปกรณ์-ส่วนประกอบโทรศัพท์-หม้อแปลงไฟฟ้า สินค้าดาวเด่น พร้อมหนุนเปิดตลาด อาหารสุนัขและแมว และ เหล็ก เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง แต่ไทยเข้าถึงตลาดได้น้อย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้วิเคราะห์ตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก 4 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก ชิลี เปรู และโคลอมเบีย เพื่อหาโอกาสสำหรับการเปิดตลาดใหม่เพิ่มเติมตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ โดยเน้นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง แต่ยังมีมูลค่าการค้ากับไทยไม่มากนัก จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยที่จะหาโอกาสขยายการค้าในตลาดใหม่
โดย สนค. พบว่า กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance: PA) ถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคลาตินอเมริกา มูลค่า GDP ของกลุ่มประเทศ PA คิดเป็นสัดส่วน 42.9% ของ GDP รวมของภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนซึ่งถือว่ามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก โดยในปี 2565 ชิลี เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในกลุ่มประเทศกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 15,356 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าไทย 2.2 เท่า กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกมีจำนวนประชากรมากกว่าไทย 3.3 เท่า โดย เม็กซิโก เป็นประเทศมีประชากรมากที่สุดในกลุ่มประเทศ PA ซึ่งประชากรคิดเป็น 55% ของประชากรทั้งหมดในกลุ่มประเทศ (กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกมีประชากรรวม 233 ล้านคน) สำหรับการค้าระหว่างประเทศ แหล่งนำเข้าสำคัญของกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก 3 ลำดับแรก คือ อเมริกา จีน และบราซิล โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้าลำดับที่ 15 คิดเป็น 1.15% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด
แม้ว่าปัจจุบันไทยส่งออกไปยังตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้ไม่มาก แต่สินค้าไทยยังมีโอกาสเข้าถึงตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้อีก จากข้อมูลการส่งออกของไทย 8 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค-ส.ค.) ไปยังกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก มีมูลค่ารวม 2,837 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ชะลอตัวลง 2.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็น 1.5% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดจากไทยไปโลก โดยตลาดส่งออกหลัก คือ เม็กซิโก ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 80% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดจากไทยไปกลุ่มประเทศ PA ตลาดส่งออกรองลงมา คือ ชิลี เปรู และโคลอมเบีย โดยมีสินค้าส่งออกหลัก เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์ เป็นต้น สำหรับในระยะต่อไป สนค.มองว่าไทยมีสินค้าศักยภาพหลายรายการที่มีโอกาสเจาะตลาดในกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้เพิ่มเติม โดยสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกเพิ่มเติม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าดาวเด่น สินค้าศักยภาพ และสินค้าแนะส่งเสริม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
สินค้าดาวเด่น เป็นสินค้าส่งออกหลักของไทยในกลุ่มประเทศกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกที่มีแนวโน้มเติบโตดี สะท้อนว่าตลาดยังมีความต้องการ ใน 8 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) ประเทศไทยส่งออก “อุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์” สัดส่วน 6.4% ของสินค้าส่งออกไทยไปกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกทั้งหมด ขยายตัวสูงถึง 206.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และส่งออก “หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ” สัดส่วน 5.6% ขยายตัว 18.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยในปี 2565 ไทยครองส่วนแบ่งตลาด “อุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์” ในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 0.6% และ “หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ” ที่ 4.9%ซึ่ง สนค. มองว่าสินค้าดังกล่าวยังมีโอกาสขยายการส่งออกและขยายส่วนแบ่งตลาดได้อีก
สินค้าศักยภาพ เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ แต่มีส่วนแบ่งของไทยในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกต่ำกว่าส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลก ได้แก่ “อาหารทะเลกระป๋อง” ซึ่งในปี 2565 ไทยครองส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 14% เปรียบเทียบกับส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลกที่ 16.9% ขณะที่การส่งใน ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค-ส.ค.) ขยายตัวสูงถึง 53.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และ “เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ” ซึ่งไทยครองส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 1.8% เปรียบเทียบกับส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลกที่ 12.7% ขณะที่การส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค-ส.ค.) เพิ่มขึ้น 39.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สินค้าแนะส่งเสริม เป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการ แต่กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกยังนำเข้าจากไทย ค่อนข้างน้อย หรือมูลค่าการนำเข้าจากไทยมีไม่ต่อเนื่อง จึงเป็นสินค้าไทยที่แนะนำให้เข้าไปเปิดตลาดใหม่ ได้แก่ อาหารสุนัขและแมว และ เหล็กและเหล็กกล้า อย่างไรก็ดี การเข้าสู่ตลาดใหม่ในสินค้าดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ท้าทายทั้งจากคู่แข่งทางการค้าเดิมที่มีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสูง และมาตรฐานสินค้าในกลุ่มประเทศที่ค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มประเทศอื่น
“ตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าจับตามอง แต่ไทยยังมีการค้ากับประเทศเหล่านี้ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ไทยยังมีโอกาสเข้าสู่ตลาดนี้ได้อีกมาก นอกจากนี้ ไทยมีสินค้าที่มีศักยภาพหลายรายการที่สามารถเข้าไปเจาะตลาดกลุ่มนี้ได้เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบัน การส่งออกสินค้าจากไทยไปยังกลุ่มประเทศ PA เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด มากกว่า 95% ของมูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังกลุ่มประเทศ PA แต่จากการวิเคราะห์ด้วย Data Analytics Dashboard จะเห็นว่าไทยก็มีศักยภาพที่เจาะตลาดสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารด้วย โดยเฉพาะสินค้าอาหารทะเลกระป๋อง และอาหารสุนัขและแมว ซึ่งการวิเคราะห์โอกาสทางการค้านี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมองเห็นศักยภาพและโอกาสของตลาดใหม่ในกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะกับเม็กซิโก และโคลอมเบีย ที่ยังไม่มีความตกลง FTA กับไทย” นายพูนพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ สนค. ได้พัฒนาเว็บไซต์ “คิดค้า.com” เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลเศรษฐกิจการค้าเชิงลึกที่สำคัญของประเทศ ประกอบด้วยข้อมูลเชิงลึกรายสินค้าและธุรกิจบริการสำคัญ รวมทั้งมิติการค้าทั้งระหว่างประเทศและภายในประเทศ เพื่อเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์การค้าได้อย่างเจาะลึกและทันต่อสถานการณ์การค้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยใช้แนวคิด Big Data Analytics วิเคราะห์และประมวลผลหลายมิติ หลากมุมมอง โดย “คิดค้า.com” มี Data Analytics Dashboard เผยแพร่แล้วรวม 4 หัวข้อ ได้แก่ ข้อมูลเชิงลึกด้านสินค้าเกษตร /ข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจระดับจังหวัด / ข้อมูลเชิงลึกด้านการค้าระหว่างประเทศ / และข้อมูลเชิงลึกด้านธุรกิจบริการ / โดยผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม และสนใจข้อมูลแนวโน้มสินค้าไทยในตลาดอื่น ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ คิดค้า.com หรือเพจเฟซบุ๊กสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า


