posttoday

“ทรู-ดีแทค”ยกระดับความปลอดภัย จำกัดสิทธิเข้าถึงระบบเฉพาะผู้อนุญาต

16 สิงหาคม 2566

เผยโฉม “True I dtac SECURITY” ใช้งานในโลกดิจิทัลอย่างปลอดภัย ชูความอัจฉริยะ 5 ด้าน ตรวจจับความผิดปกติหากมีการทำงานที่เข้าข่ายความเสี่ยงจะถูกห้ามใช้งานทันที -ป้องกันภัยคุกคาม และการโจมตีบนเครือข่าย ด้วยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงระบบเฉพาะผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้น

นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรูและดีแทค ต้องการให้ผู้ใช้งานมีความปลอดภัยในโลกดิจิทัลจึงได้ พัฒนา ทรู-ดีแทค ซีเคียวริตี้ ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยไซเบอร์อัจฉริยะ โดยชูจุดเด่นปกป้องภัยคุกคามทางโลกออนไลน์ครบวงจรทั้งบนเครือข่าย และแอปพลิเคชัน ตามมาตรฐานโลก  พร้อมระบบป้องกันทันท่วงที ตรวจติดตามเฝ้าระวังการทำงานของระบบต่างๆ แบบอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง

ทรู และดีแทค ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลก ทั้งด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ อาทิ คลาวด์ สไตร์ท , พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์, เวคตร้า เอไอ  และด้านประกันภัย อย่าง  เอฟดับบิวดี และทิพยประกันภัย  เพื่อดูแลลูกค้าให้รอดพ้น จากภัยคุกคามที่มากับโลกยุคดิจิทัล ที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งในระดับองค์กร ระดับบุคคล

นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กัด (มหาชน) กล่าวว่า บริการดังกล่าวมีความอัจฉริยะครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่  

1. Infrastructure Security การป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐาน และอุปกรณ์การใช้งานให้ปลอดภัยจากภัยคุกคาม อาทิ ตรวจจับความผิดปกติหากมีการทำงานที่เข้าข่ายความเสี่ยงจะถูกห้ามใช้งานทันที การตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ และแก้ไขก่อนถูกโจมตี การยืนยันเข้าใช้งานระบบปฏิบัติการด้วยผู้ดูแลระบบ เป็นต้น 

2. Network Security การป้องกันภัยคุกคาม และการโจมตีบนเครือข่ายที่ช่วยจำกัดสิทธิการเข้าถึงระบบ โดยกำหนดให้เฉพาะผู้ใช้งาน หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ป้องกันภัยคุกคามที่เข้ามาทาง เว็บ หรือแอปพลิเคชัน พร้อม Zero trust network ที่บังคับให้ทุกระบบต้องมีการขออนุญาตก่อนการเชื่อมถึงกัน  

3. Cloud Security การป้องกันระบบโครงสร้างบนคลาวด์ ให้ปลอดภัยด้วยระบบช่วยตรวจสอบการตั้งค่า และช่องโหว่ต่างๆ ให้ถูกต้องและปลอดภัยอยู่เสมอ 

4. 24/7 Smart Security Management ระบบเฝ้าระวังภัยคุกคาม ตรวจสอบและรับมือตลอด 24 ชั่วโมงด้วย Security Center Operation จากเจ้าหน้าที่ควบคู่ไปกับระบบ AI  รวบรวมข้อมูลการใช้งานจากระบบต่างๆ ในมาวิเคราะห์และหาสาเหตุเมื่อเกิดเหตุขึ้น

5. Best-in-Class Partnership ผสานความแข็งแกร่งกับพันธมิตรชั้นนำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก ยกระดับมาตรฐาน และเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการด้านบริหารจัดการระบบความปลอดภัยไซเบอร์ อาทิ  บริษัท คลาวด์ สไตร์ท อินคอร์พอเรชั่น จำกัด บริษัทซี-สเกเลอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท อิมเพอว่าร์ ประเทศไทย  บริษัท พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ และบริษัท เวคตร้า เอไอ  

นายเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการให้บริการดิจิทัล ได้ให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องการดูแลความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ โดยการปกป้องข้อมูลแบบรอบด้านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาส โดดเด่นด้วยการบริหารจัดการความปลอดภัยแบบบูรณาการ 

(1)     มีระบบตรวจจับการบุกรุกโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งต่างจากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าทั่วไป

(2)     มีการใช้งานสถาปัตยกรรม Zero-trust

(3)     ใช้งานระบบข่าวกรองไซเบอร์ (Threat Intelligence Platform)

(4)     การพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าด้วยระบบ e-KYC ที่มีการตรวจสอบตัวตน 2 ชั้นในการ log in เข้าสู่ระบบในครั้งแรก 

(5)  มีการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการปกป้องประวัติการรักษาพยาบาลของลูกค้า

สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน สมัครแพคเกจ 5G Together+ และ 5G Better+ รับฟรีประกันชีวิต และอุบัติเหตุ ความคุ้มครอง รวมสูงสุดกว่า 320,000 บาท

รวมถึงลูกค้าแบบเติมเงิน ยิ่งอยู่ยิ่งได้ยิ่งใช้ยิ่งคุ้ม เมื่อเปิดเบอร์ใหม่ พร้อม สมัครแพคเกจ 300 บาท ได้เน็ตแรง แถมโทรฟรี พร้อมรับประกันความคุ้มครองชีวิต สะสมรวมสูงสุด  270,000 บาท 

ลูกค้าทรูออนไลน์ สมัครเน็ตบ้าน รับฟรีประกันภัยที่อยู่อาศัยจากทิพยประกันภัย และประกันชีวิต กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จาก FWD คุ้มครองนาน 24 เดือน หรือจะเลือกปกป้องดูแลโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตเครื่องใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของลูกค้าทุกคนได้รับการดูแลในทุกการใช้งาน ด้วย dtac Mobile Care หรือจะเป็น True Protech บริการดูแล และส่งซ่อมมือถือ ไม่ว่า ตก แตก เปียก พัง แม้แต่สูญหาย ก็อยู่ในบริการทั้ง 2 บริการนี้ เพียงเริ่มต้น 39 บาท ต่อเดือน เท่านั้น และ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดที่ไม่หยุดพัฒนา 

จากสถิติผู้ซื้อมือถือใหม่ 100 เครื่องจะพบว่ากว่า 80% จะพบเหตุการณ์หรือการใช้งานที่จะต้องใช้บริการ ดูแล และส่งซ่อมมือถือ ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายค่าซ่อมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากต้นทุนอุปกรณ์มือถือทำให้ต้นทุนค่าซ่อมที่ลูกค้าต้องจ่ายจึงเพิ่มขึ้น

ทางบริษัทฯ จึงได้ตอบสนองต่อตลาด ออกบริการใหม่ SWAP+ จาก dtac Mobile Care คือบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนี้ได้ดียิ่งขึ้น SWAP+ จะเป็นหนึ่งในบริการที่ทำให้ลูกค้าดีแทคออกไปใช้ชีวิตในอย่างที่จะเป็น โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องโทรศัพท์เครื่องใหม่