posttoday

แนะรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนตลาดสินค้าและบริการ กลุ่ม LGBTQ เจาะธุรกิจแสนล้าน

08 มิถุนายน 2566

เผย “ไทย” โกยรายได้ 2.26 แสนล้าน จากนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ ทั่วโลกติดอันดับ 1 เอเชีย อันดับ 4 โลก “นฤมิตไพรด์” แนะรัฐบาลใหม่ส่งเสริมเป็น Soft Power ขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม

ฐานเศรษฐกิจ เปิดเผย เปิดข้อมูลเชิงลึก ระบุกลุ่ม LGBTQ+ ก้าวขึ้นเป็นผู้บริโภคที่ถูกจับตามอง ด้วยพฤติกรรมและการใช้จ่าย ใช้ชีวิต ด้วยรสนิยมเน้นแบรนด์เนม จึงเป็นที่หมายปองของแบรนด์ชั้นนำ จากข้อมูลของ LGBT Capital ระบุว่า ก่อนโควิด-19 มูลค่าตลาดหรือการใช้จ่ายของกลุ่ม LGBT ทั่วโลกอยู่ที่ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 135 ล้านล้านบาท ซึ่งไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้อยู่ที่ราว 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.26 แสนล้านบาท  ปัจจุบันเมื่อเพศวิถีมีหลากหลายเพิ่มขึ้น เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่ามีความมั่งคั่งอยู่ที่ 23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก และเป็นตลาดใหญ่ด้านการท่องเที่ยวของโลก

แนะรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนตลาดสินค้าและบริการ กลุ่ม LGBTQ เจาะธุรกิจแสนล้าน

LGBTQ+ แตะพันล้านคนในปี 93

จากการวิเคราะห์ของ GAY TIMES คาดการณ์ว่าในปี 2593 ทั่วโลกจะมีจำนวนประชากร LGBTQ+ ถึง 1,000 ล้านคน โดยอำนาจการใช้จ่ายรวมทั่วโลกของผู้บริโภคกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 136 ล้านล้านบาท ต่อปี  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงมองการเจาะตลาด LGBTQIA+ เป็นอีกหนึ่งเซ็กเม้นท์ในการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้าไทย

ข้อมูลเชิงลึกชี้ว่า ระหว่างปี 2561-2562 ไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBT เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และอันดับ 4 ของโลก รองจาก สหรัฐอเมริกา (25.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ,สเปน ( 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และฝรั่งเศส (7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBT ที่มีอยู่กว่า 500 ล้านคนทั่วโลก อยู่ในแถบเอเชีย 288 ล้านคน อันดับ 1 จะเป็นจีน อยู่ที่ราว 90 ล้านคน ตามมาด้วย อินโดนีเซีย 17 ล้านคน ญี่ปุ่น 8.2 ล้านคน ฟิลิปปินส์ 6.9 ล้านคน เวียดนาม 6.1 ล้านคน ส่วนในไทยมีประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งในอนาคตจะมีประชากร LGBTQ+ แตะ 1,000 ล้านคน ในปี 2593

แนะรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนตลาดสินค้าและบริการ กลุ่ม LGBTQ เจาะธุรกิจแสนล้าน

ด้าน “เทอร์ร่า บีเคเค” ระบุว่า กลุ่ม LGBTQ+ มีรายได้มากกว่ากลุ่มสถานะชายหญิง เมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกัน โดยมีรายได้ 50,000- 85,000 บาทต่อเดือน มีสัดส่วนมากกว่า 9% และในจำนวนนี้ 4% มีรายได้มากกว่า 85,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป โดยมีรสนิยมเรียบหรู เน้นแบรนด์และความน่าเชื่อถือเป็นหลัก ไม่เน้นตามเทรนด์เหมือนคนทั่วไป นับเป็นโอกาสทางการตลาดที่สำคัญ ซึ่งแนวโน้มการเลือกซื้อของคนกลุ่ม LGBT จะให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเลือกซื้อสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือของแบรนด์มากกว่ากลุ่มชายหญิง และจะเดินทางอย่างน้อยปีละ 3-4 ครั้ง มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 7 เท่า ส่วนใหญ่นิยมถ่ายรูปเช็คอินร้านอาหารหรือจุดเด่นสำคัญ ร่วมกีฬากลางแจ้งหรือกิจกรรม Soft Adventure รวมทั้งการท่องเที่ยว Nightlife นิยมสินค้าด้านความบันเทิงและสันทนาการ อีกทั้งชาว LGBTQ+ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่าสำหรับจุดหมายปลายทางในไทย จะนิยมเดินทางเที่ยวกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะสมุย และพัทยา

ที่ผ่านมาททท.จะจัดแคมเปญ GO Thai Be Free ผ่านสำนักงานททท.ในต่างประเทศเพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จากทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับพันธมิตรสนับสนุนการจัดงานเพื่อเจาะกลุ่มตลาด LGBTQIA+ รวมถึงปาร์ตี้สำหรับกลุ่ม LGBTQIA+ โดยนำเสนอกิจกรรมต่างๆผ่าน www.gothaibefree.com

 

แนะรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนตลาดสินค้าและบริการ กลุ่ม LGBTQ เจาะธุรกิจแสนล้าน

แนะรัฐบาลให้ความสำคัญตลาด LGBTQ

นางสาวชุมาพร แต่งเกลี้ยง ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท นฤมิตไพรด์ จำกัด ผู้จัดงาน “บางกอกไพรด์ 2023” (Bangkok Pride 2023) ระบุว่า กลุ่ม LGBTQIAN+ จะเป็นผู้ขับเคลื่อน “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนให้เกิด Soft Power ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1. ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งพบว่ามีกลุ่ม LGBTQIAN+ ชาวจีน และต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวนมาก และไทยยังติดอันดับเมืองน่าเที่ยวของชาว LGBTQIAN+ ด้วย

2. ด้านเอ็นเตอร์เทน เช่น คลับ , สถานบันเทิง, กองประกวด ฯลฯ 3. ด้านคอนเทนต์ D.R.A.G /ซีรีส์วาย/ยูริ (Yuri) และ 4. ด้านเวลเนส-เมดิคอล ฮับ เช่น การแปลงเพศ, ฮอร์โมน, การดูแลสุขภาพหลังแปลงเพศ ฯลฯ ซึ่งพบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลขนาดใหญ่เตรียมความพร้อมรองรับกลุ่ม LGBTQIAN+ แล้ว

สำหรับโจทย์ที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการคือ 1. ส่งเสริมและสนับสนุนให้เป็น Soft Power อย่างจริงจัง 2. จัดทำรายงานเพื่อให้เห็นตัวตนของกลุ่ม LGBTQIAN+ ที่มีผลต่อด้านเศรษฐกิจ 3. จัดทำงบประมาณสนับสนุนให้ก้าวสู่ระดับโลก เหมือนเกาหลี ที่ส่งเสริม K-Pop ให้เป็น Soft Power ทำรายได้เข้าประเทศ

“การผลักดันนโยบายสมรสเท่าเทียม จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของชาว LGBTQIAN+ ซึ่งปัจจุบันคาดว่าจะมีจำนวนมากถึง 7-10 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 4 ปีก่อนที่มีอยู่ราว 4 ล้านคน ทำให้เห็นถึงกำลังซื้อชาว LGBTQIAN+ ในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งต้องยอมรับว่า มีจำนวนมาก ทั้งการใช้จ่าย การเดินทางท่องเที่ยวมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจ”

แนะรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนตลาดสินค้าและบริการ กลุ่ม LGBTQ เจาะธุรกิจแสนล้าน

สำหรับกลุ่ม LGBTQIAN+ ประกอบไปด้วย 

L : Lesbian ผู้หญิงที่ชื่นชอบในบุคคลที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน

 G : Gay บุคคลที่ชื่นชอบในบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศ และรสนิยมทางเพศตรงกับตนเอง โดยในบริบทของสังคมไทยจะเข้าใจว่าเกย์ คือ เพศชายที่ชื่นชอบในบุคคลที่เป็นเพศชายด้วยกัน 

B : Bisexual คนที่ชื่นชอบได้ทั้งเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม

T : Transgender บุคคลที่มีการแสดงอัตลักษณ์ทางเพศตรงข้าม และแตกต่างไปจากเพศกำเนิดของตัวเอง 

Q : Queer เป็นการใช้คำที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ นำมาใช้เพื่ออธิบายอัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศของตัวเอง ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่มีกรอบในการเข้ามากำหนดเกี่ยวกับเรื่องเพศ

I : Intersex บุคคลที่มีสรีระทางเพศ หรือแบบโครโมโซมที่มีลักษณะกำกวม ไม่ตรงกับสรีระชายหรือหญิง หรืออาจจะมีลักษณะทั้งชายและหญิง โดยผู้ที่สามารถวินิจฉัยได้ จะเป็นบุคคลากรทางแพทย์ 

A : Asexual บุคคลที่ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าในสถานการณ์ไหนก็ตาม

และ N : Non-Binary เป็นคำศัพท์ที่ใช้เพื่อทำให้เห็นอัตลักษณ์ทางเพศ หรือการแสดงออกทางเพศ ว่าอยู่นอกเหนือการจัดหมวดเรื่องเพศที่มีเพียงแค่เพศชายและเพศหญิง นอกจากนี้ยังเป็นคำที่ทลายการจัดระเบียบบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศว่าจะต้องดำรงชีวิต มีแนวปฏิบัติที่ให้สอดคล้องกับเพศหญิง หรือเพศชายเท่านั้น

แนะรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนตลาดสินค้าและบริการ กลุ่ม LGBTQ เจาะธุรกิจแสนล้าน