posttoday

ประจวบฯชู อ.หัวหิน ก้าวสู่สมาร์ทซิตี้ ภายใน 2ปี

06 กุมภาพันธ์ 2566

เผยลงทุนเฟสแรก 9.2 ล้านบาท พัฒนาด้านสมาร์ท ลิฟวิ่ง และสิ่งแวดล้อม เตรียมเดินหน้าพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ให้ครบ 5 ด้านเพื่อเป็นเมืองอัจฉริยะภายใน 2 ปี

ในแต่ละปี อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 10 ล้านคน ในช่วงก่อนโควิด ขณะที่ตัวเลขในปี 2565 อยู่ที่ 7.76 ล้านคน และคาดว่าเมื่อมีการเปิดประเทศจะมีนักท่องเที่ยวกลับมามีจำนวนเท่ากับก่อนโควิดอยู่ที่ 10 ล้านคนในปีนี้ 

 

ประจวบฯชู อ.หัวหิน ก้าวสู่สมาร์ทซิตี้ ภายใน 2ปี

 

นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือ "เมืองท่องเที่ยวทรงคุณค่าระดับนานาชาติ เกษตรปลอดภัย ด่านสิงขรระเบียงเศรษฐกิจแห่งอนาคต สังคมผาสุกภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งจังหวัดมีความโดดเด่นด้านการท่องเที่ยวและการเกษตรที่ถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด โดยทางจังหวัดพร้อมสนับสนุนท้องถิ่นในการพัฒนาพื้นที่ตามศักยภาพ และส่งเสริมการบูรณาการการทำงาน รวมถึงการบูรณาการข้อมูลที่จะนำไปสู่การพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์และคุณภาพชีวิตของประชาชน และเทศบาลหัวหินถือเป็นหนึ่งพื้นที่สำคัญของจังหวัดในการนำร่องการพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ 
 

 

ทั้งนี้ อ.หัวหิน ได้รับคัดเลือกให้เป็นเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ 1 ใน 45 เมือง ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาสู่ สมาร์ท ซิตี้ จากที่มีผู้ยื่นแผนการพัฒนามาทั้งสิ้น 75 เมือง และผ่านเป็นเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ท ซิตี้ไปแล้ว 30 เมือง สำหรับ อ.หัวหินได้เสนอการเป็นเมืองสมาร์ท ซิตี้ 5 ด้าน จากทั้งหมด 7 ด้าน คือ 1.ด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) (ด้านบังคับของทุกเมือง) 2.ด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) 3.ด้านการบริการภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) 4.ด้านการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) และ 5. ด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy)

 

ที่เหลือ 2 ด้าน ไม่ได้ทำเนื่องจากไม่ได้ตอบโจทย์การสร้างสมาร์ท ซิตี้ ของหัวหิน คือ ด้านพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) และพลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) 
 

 

ประจวบฯชู อ.หัวหิน ก้าวสู่สมาร์ทซิตี้ ภายใน 2ปี

 

ในปี 2565 อ.หัวหินได้เริ่มลงทุนพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ เฟสแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยงบประมาณ 9.4 ล้านบาท  คือ ด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) ด้วยการบริหารจัดการขยะ และการนำกลับมาใช้ใหม่ สร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ไร้มลพิษ และ ด้านด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) ด้วยการติดตั้งเสาสมาร์ท โพล กับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที โดยเสาดังกล่าวจะสามารถติดตั้งกล้อง CCTV ,อุปกรณ์วัดค่าฝุ่น PM2.5,ไวไฟ ฮอตสปอต เพื่อให้บริการฟรีไวไฟ เพื่อให้การใช้ชีวิตสมาร์ทขึ้น ปลอดภัยขึ้น ช่วยลดปัญหาอาชญากรรม

 

สำหรับแผนในการพัฒนาอีก 3 ด้านที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงานคือ 3.ด้านการบริการภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) 4.ด้านการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) และ 5. ด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) คาดว่าจะสามารถดำเนินการเสร็จภายในไม่เกิน 2 ปีนับจากปีนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนในการยกระดับ อีก 7 เมือง ทั้งเทศบาลเมือง , องค์การบริหารส่วนตำบล และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกแห่งในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นสมาร์ท ซิตี้ ด้วย

 

ประจวบฯชู อ.หัวหิน ก้าวสู่สมาร์ทซิตี้ ภายใน 2ปี

 

ด้านนายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า เทศบาลเมืองหัวหินตั้งเป้าหมายที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวปลอดภัย สะอาด น้ำใส ไร้ PM 2.5 โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยบริหารจัดการ และตรวจสอบเมืองให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัย ไม่มีอาชญากรรม

 

แผนการพัฒนาระบบสมาร์ทต่างๆ เพื่อต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การติดตั้งระบบ CCTV สอดส่องความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ตั้งเป้าลดอาชญากรรม 50% ติดตั้ง สมาร์ท โพล ระบบติดตามคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพคนหัวหินและนักท่องเที่ยว Wired Network ที่ครอบคลุมอำนวยความสะดวกผู้มาเยือนส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่

 

พร้อมรับมือปัญหาขยะจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นด้วยระบบ GPS Tracking ช่วยบริหารจัดการขยะ ตั้งเป้าลดขยะตกค้างในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 80% รวมถึงระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลของเมือง (City Data Platform: CDP) รวมศูนย์ข้อมูลเพื่อการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในพื้นที่และระหว่างท้องถิ่น เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

 

อย่างไรก็ตาม อ.หัวหิน มีจำนวนประชากรประมาณ 65,000 คน แต่มีประชากรแฝงประมาณ 20,000 คน จุดอ่อนของเมืองคือไม่มีระบบรวบรวมฐานข้อมูล และแม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ก็ประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณ การพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ เฟสสองคาดว่าจะใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท

 

ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลช่วยการสนับสนุนด้านงบประมาณ

 

เนื่องจาก อ.หัวหิน มีโอกาสในเชิงธุรกิจและเรียกเม็ดเงินเข้าประเทศได้จำนวนมาก ทั้งด้านคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน รถไฟรางคู่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567 เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางง่าย รวมถึงจุดเด่นเรื่องชายหาดที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร