เปิด TOR ประมูลโรงไฟฟ้าขยะภูเก็ต ส่อล็อคสเป็ครายใหญ่
จับตาร่าง TOR โรงไฟฟ้าขยะภูเก็ต หลังเปลี่ยนทีมบริหารเทศบาลฯ ส่อล็อคสเป็ครายใหญ่ กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งมีลักษณะที่เอื้อต่อเอกชนบางราย เพราะตั้งคุณสมบัติไว้สูงเกินไป
หลังจากเทศบาลนครภูเก็ต ประกาศร่างเชิญชวนยื่นข้อเสนอโครงการให้เอกชนร่วมดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยด้วยระบบเตาเผาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าแห่งใหม่ของภูเก็ต กำลังผลิต 8 เมกะวัตต์ ก็ได้เกิดคำถามว่า การกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูลโครงการครั้งนี้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใดหรือไม่ หลังจาก เทศบาลนครภูเก็ต ได้พัฒนานวัตกรรมพลังงาน โดยมุ่งหวังที่จะช่วยให้ภูเก็ต เป็นเมืองต้นแบบด้านพลังงานสะอาด โดยมีโรงเตาเผาขยะมูลฝอย 2 โรงถือเป็นศูนย์จัดการขยะแบบครบวงจรแห่งแรกของไทย โดยโรงเตาเผาขยะมูลฝอยชุมชน 1 เป็นเตาเผาที่กรมโยธาธิการและผังเมืองถ่ายโอนให้เทศบาลนครภูเก็ตดูแล งบประมาณ 788 ล้านบาท กำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 2.5 เมกะวัตต์ ผลิตไฟฟ้า 144 หน่วย/ตันขยะ ปัจจุบันหยุดการดำเนินการ อยู่ระหว่างเสนอขออนุมัติให้เอกชนร่วมดำเนินการ ส่วนอีกโรงเป็นเตาเผาที่บริษัท พีเจทีเทคโนโลยี เป็นผู้รับสัญญาดำเนินการตั้งแต่ปี 2555 งบประมาณ 994 ล้านบาท กำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 12 เมกะวัตต์ ผลิตไฟฟ้า 350 หน่วย/ตันขยะ
โดยในปี 2559 นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต (นายกสมใจ สุวรรณศุภนา) ระบุว่าปริมาณขยะในพื้นที่ภูเก็ตปี 2558 อยู่ที่ 750 ตันต่อวัน เติบโตขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี จากจำนวนประชากร 360,000 คน และมีนักท่องเที่ยว 12 ล้านคนต่อปี โดยคาดว่า ในปี 2562 จะมีปริมาณขยะเพิ่มถึง 987 ตันต่อวัน และในอีก 11 ปีหรือในปี 2570 ปริมาณขยะจะเพิ่มถึง 1,735 ตันต่อวัน จึงต้องการให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะเพิ่มเพื่อแก้ปัญหาขยะในชุมชน ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ปี 2562 เทศบาลนครภูเก็ต จึงจัดจ้างมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าขยะขนาดกำลังการผลิต 8MW และปี 2563 นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต (นายกสมใจ สุวรรณศุภนา) ให้ทีมงานร่าง TOR ออกมา
ต่อมาปี 2564 นายกสมใจ สุวรรณศุภนา แพ้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต (สาโรจน์ อังคณาพิลาส ชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกฯ คนใหม่) ได้มีความพยายามในการสั่งการเพื่อปรับแก้ TOR ให้มีความเป็นธรรมและเปิดกว้างสำหรับการประมูลมากขึ้น จึงมีความพยายามปรับปรุงเงื่อนไขใน TOR คือ
• ประกาศรับฟังความคิดเห็นร่าง TOR ครั้งที่ 1 (มิ.ย. 2565) โดยประกาศเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปและผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ครั้งที่ 1
• ประกาศรับฟังความคิดเห็นร่าง TOR ครั้งที่2 (ส.ค. 2565) มีการแก้ไขรายละเอียดเล็กน้อย เช่น เรื่องคุณสมบัติทั่วไปของผู้ยื่นประมูลที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เป็นต้น และประกาศเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปและผู้สนใจเข้า ร่วมประมูล ครั้งที่ 2
• ประกาศรับฟังความคิดเห็นร่าง TOR ครั้งที่ 3 ปรับแก้ไขเพียงข้อกำหนดเรื่องผลงานและประสบการณ์ขั้นต่ำของผู้ ยื่นข้อเสนอ พ.ย. 2565 พร้อมประกาศเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปและผู้สนใจเข้าร่วมประมูลครั้งที่ 3
เนื่องจากคณะกรรมการร่าง TOR ในปัจจุบันนั้นยังเป็นทีมงานเก่าที่มีก่อนการเลือกตั้งนายกฯ ทำให้การรับฟังความคิดเห็นร่าง TOR ที่ผ่านมาทั้ง 2 ครั้งนั้น ทางคณะกรรมการแทบจะไม่ได้ทำการแก้ไข TOR เลย โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งมีลักษณะที่เอื้อต่อเอกชนบางราย เพราะตั้งคุณสมบัติไว้สูงเกินไป เช่น
ในข้อกำหนดที่ 2 ตารางที่ 1 ข้อที่ 1 ผู้ยื่นข้อเสนอ ต้องมีผลงานและประสบการณ์โรงไฟฟ้าขยะชุมชนแบบเตาเผาตะกรับ เดินระบบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี รองรับขยะไม่น้อยกว่า 250 ตัน/วัน และหากมีประสบการณ์บริหารโรงไฟฟ้าขยะขนาดดังกล่าวมาแล้ว 3 โครงการจะได้คะแนนเต็มในข้อนี้หรือในข้อกำหนดที่ 2 ตารางที่ 1 ข้อที่ 2 ที่ระบุให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีใบสิทธิบัตร หรือใบรับรองการถ่ายโอนเทคโนโลยีผู้ผลิตเตาเผาตามมาตรฐานสากล ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีโครงการผลิตไฟฟ้าของไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เพราะเป็นเพียงผู้ใช้งานเท่านั้น
แหล่งข่าวระบุว่า ยังไม่มีโครงการโรงไฟฟ้าขยะของจังหวัด ใดๆ ในประเทศไทย ที่ทำการประมูลโดยมีข้อกำหนดในลักษณะล็อคสเป็คขนาดนี้ หากคณะกรรมการร่าง TOR มีความเป็นกลางและเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ควรดำเนินการพิจารณาแก้ไข TOR ให้สมเหตุผลและเปิด กว้างมีความเป็นกลางมากที่สุด