posttoday

เลาะชีวิต ตระกูล "เพ็ชรอำไพ" อาณาจักรสินเชื่อ 8 หมื่นล้าน

14 ธันวาคม 2565

เปิดเส้นทางธุรกิจ ตระกูล “เพ็ชรอำไพ” Top 10 เศรษฐีหุ้นประจำปี 2565 ชีวิตที่เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานแบงก์ สู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ อย่าง บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล ด้วยเงินลงทุนตั้งต้น 5 หมื่นบาท จนขยายอาณาจักรไปสู่ความมั่งคั่งกับกิจการมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท

“ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” และ “ดาวนภา เพชรอำไพ” คู่สามีภรรยา (ที่สะกดตัวการันต์ในนามสกุลไม่เหมือนกันเพราะคุณดาวนภาเชื่อเรื่องโชคลาง) แห่งอาณาจักร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) หรือชื่อเดิมคือ เมืองไทยลิสซิ่ง ยังคงปรากฎชื่ออยู่ใน 10 อันดับเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2565 จากการจัดอันดับของวารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

แม้ว่าในปีนี้ ทั้งคู่ ถูกจัดอันดับลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่า ชื่อในทำเนียบความเป็นเศรษฐีหุ้นของเขาทั้งคู่จะจางหายไปแต่อย่างใด

 

ชูชาติ ถูกจัดอยู่ที่อันดับ 7 ตกจากอันดับ 6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้น MTC ในสัดส่วน 33.49% และหุ้นของอีก 5 บริษัท คือ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล 3.44 % บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น 4.89% บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ 1.87% บมจ.อินเตอร์ลิงค์ เทเลคอม 1.52%  และ บมจ.ชิค รีพลับบลิค 0.37% รวมมูลค่าทั้งสิ้น 26,518.07 ล้านบาท ลดลง 15,133.90 ล้านบาท หรือ 36.30% 

 

ส่วน ดาวนภา ปีนี้อยู่ในอันดับ 8 ตกจากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น MTC ในสัดส่วน 33.96% มูลค่า 26,100 ล้านบาท ลดลง 15,840.00 ล้านบาท หรือ 37.77%

 

ขณะที่การจัดอันดับของ Forbes รายงานถึงทรัพย์สินสุทธิของ 2 สามีภรรยา อยู่ที่  2.05 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 6 เดือนกรกฎาคม 2565 

 

เส้นทางความมั่งคั่งของผู้สร้างเมืองไทย แคปปิตอล

เลาะชีวิต ตระกูล \"เพ็ชรอำไพ\"  อาณาจักรสินเชื่อ 8 หมื่นล้าน


 

 

เริ่มจาก 5 หมื่นบาทสู่ 8 หมื่นล้าน


ใครจะรู้ว่า จุดเริ่มต้นความร่ำรวยของสามีภรรยาผู้สร้าง MTC มาจากเงินเพียง 50,000 บาท จนกระทั่งเก็บเงินได้ถึง 100 ล้านบาท ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี และกลายเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของกิจการให้สินเชื่อ ที่นอกจากครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในไทยแล้วยังเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือ Market Caps. กว่า 8 หมื่นล้านบาท (ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2565) อย่างทุกวันนี้

 

เส้นทางธุรกิจของ “ชูชาติ” และ “ดาวนภา” เริ่มต้นจากการรับซื้อบัญชีลูกหนี้จากการผ่อนมอเตอร์ไซค์มาบริหารเอง ด้วยประสบการณ์ที่ทั้งคู่ทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาอำเภอเมืองสุโขทัย ซึ่งที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาทั้งคู่ปลูกต้นรักด้วยกันอีกด้วย

 

“ชูชาติ” ปัจจุบันอายุ 69 ปี เรียนจบปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (เศรษฐศาสตร์) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะที่ “ดาวนภา” ปัจจุบันอายุ 68 ปี จบปริญญาตรีจากพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งด้วยประสบการณ์ทำงานที่ธนาคารมาก่อน ทำให้ทั้งคู่ต่างเชี่ยวชาญด้านการเงิน

 

ต่อมาในปี 2535 จึงเปิดบริษัท ดี.เอส. ลิสซิ่ง จำกัด  ธุรกิจปล่อยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ ต่อมาปี 2544 เขาทั้งคู่ตัดสินใจยกเลิกการประกอบธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เริ่มให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถเพื่อการเกษตร และที่สำคัญคือ ตกลงตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานแบงก์ และมาทุ่มเททำกิจการตัวเองให้เต็มที่

 

เนื่องจากกิจการเริ่มขยายอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง เมื่อธุรกิจเติบโตแบบฉุดไม่อยู่ ในปี 2557 จึงนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้ชื่อหุ้น  MTLS และเปลี่ยนชื่อเป็น MTC  หรือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เมื่อ มี.ค.2561

 

สำหรับผลประกอบการล่าสุดไตรมาส 3 ปี 2566 “ชูชาติ” ในฐานะประธานกรรมการบริหารบริษัท เปิดเผยว่า มีรายได้รวม 5,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 28.60% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,205 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 0.33 % จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยมีสินเชื่อคงค้างกว่า 114,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 14,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22.68 % ขณะที่มีกำไรสุทธิ 3,961 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.04% จากงวดเดียวกันปีก่อน และ ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 30 ก.ย. 2565 มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็น จำนวน 748 สาขา ส่งผลให้มีสาขาให้บริการแล้ว 6,547 แห่ง ทั่วประเทศ

 

คาดว่าปี 2565 พอร์ตสินเชื่อพุ่งแตะระดับ 120,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักคือ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่ คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) และเมืองไทย เพย์ เลเทอร์ (MTPL)

 

ชีวิตเรียบง่าย แบบ “nobody” 
หากเอ่ยถึงชีวิตส่วนตัว น้อยคนมากที่จะเห็น 2 สามีภรรยาออกสื่อ แต่ภาพศิลปะ และ การอ่านหนังสือ คือ ของสะสมและงานอดิเรกที่เขาทั้งคู่ชื่นชอบเหมือนกัน ขณะที่ไวน์และวิสกี้ คือ ของสะสมที่ “ชูชาติ” ชื่นชอบและเก็บไว้ในคลังจำนวนมาก

 

“ดาวนภา” เธอต้องการเป็น “nobody” มากกว่า “somebody” เพื่อคงชีวิตเรียบง่าย ทั้ง ๆ ในความเป็นจริง เธอเป็นฟันเฟื่องสำคัญ ยืนเคียงข้างสามี ผลักดันให้ เมืองไทย แคปปิตอล ยืนโดดเด่นอย่างสง่างามในอุตสาหกรรมทุกวันนี้

 

“ดาวนภา” เกิดที่สุโขทัยเป็นลูกสาวเจ้าของโรงสีในเมือง เป็นเด็กเรียนหนังสือเก่งอยู่ในอันดับ 2-3 ของจังหวัด เป็นคนไม่ทะเยอทะยาน ความฝันสูงสุดในชีวิตเพียงแค่ได้ศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เท่านั้น และไม่เคยคิดว่าจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ซึ่งเธอบอกว่า เธอเป็นคนโชคดี ที่ได้ทำในสิ่งที่รักมากกว่า ความร่ำรวยนั้นเกิดตามมาจากการมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ต่างหาก

 

ขณะที่ “ชูชาติ”เอง แม้ในตอนแรกไม่เคยคิดว่าจะทำธุรกิจนี้ เพราะตัวเองเป็นผู้ชายน่าจะถนัดทำธุรกิจก่อสร้างมากกว่า แต่ด้วยที่เขามี “ดาวนภา” คู่ชีวิตที่มีสัญชาตญาณ รู้ว่าใช่ ไม่ใช่ นี่ทำ นี่อย่าทำ จึงทำให้มีธุรกิจในทุกวันนี้

 

“ชูชาติ” และ  “ดาวนภา” มีลูกชาย 2  คน คือ “ศึกษิต เพชรอำไพ” ปัจจุบันอายุ 40 ปี และ “ปริทัศน์ เพชรอำไพ”อายุ 38 ปี  โดยลูกชายคนโต ช่วยธุรกิจครอบครัวอยู่ในตำแหน่งกรรมการ , กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน และกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน

 

ลูกชายคนเล็ก “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” รับช่วงต่อจากพ่อเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ ปัจจุบันมีภรรยาชื่อ น้ำฝน วัฒนชัย หลานสาวคนสวย ขององคมนตรี ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย บุตรี อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พันธุ์ชัย-กรวรรณ วัฒนชัย นอกจากนี้ “ปริทัศน์” นั้นมีเพื่อนชี้ชื่อ “สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” บิ๊กบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่เคยร่วมพัฒนาอสังหาร่วมกันมาอีกด้วย

 

เส้นทางทายาทรุ่นที่ 2


“ปริทัศน์” จบการศึกษาปริญญาตรีด้าน  Engineering with Business Finance, University College London และปริญญาโทด้าน Banking and international finance, Cass Business School, London จากประเทศอังกฤษ เส้นทางการทำงานของเขาไม่ได้เริ่มที่ธุรกิจครอบครัวในทันที

 

หลังเรียนจบ “ปริทัศน์” สมัครงานที่บริษัทเอกชนในอังกฤษ งานที่แรกคือ GOLDMAN SACHS INTERNATIONAL โดยทำงานในฝ่าย TREASURY CASH MANAGEMENT ANALYST ทำงานอยู่ปีกว่า เงินเดือนต่อปีประมาณ 35,000 ปอนด์ แต่เป็นการทำงานที่เครียดมาก ประจวบเหมาะกับพ่อแม่โทรมาชวนกลับมาเมืองไทย จึงตัดสินใจกลับมาหางานทำที่เมืองไทย

 

การทำงานที่แรกในเมืองไทยเขาเริ่มกับบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เพราะว่าพ่อและแม่เคยเป็นลูกหม้อเก่าที่กสิกรไทย ดูแลในตำแหน่งนักวิเคราะห์ ดูภาพรวมหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น บมจ.ปตท. ทำงานได้ 2 ปีจึงลาออก เพื่อมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับเพื่อน 'สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ' แห่ง บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ร่วมพัฒนาโครงการทาวน์โฮม 4 ชั้น แบรนด์ 'เอ็นเตอร์ไพรซ์ ปาร์ค-Enterprise Park' เลือกเฟ้นที่ดินผืนงามหลายสิบไร่ริมถนนบางนา-ตราด กม.5 นำมาพัฒนา

 

จากนั้นในปี 2558 เขาจึงตัดสินใจช่วยธุรกิจครอบครัวในตำแหน่งแรก คือ 'ผู้ช่วยด้านการเงิน' แม้ว่าพ่อกับแม่ไม่เคยบังคับให้สืบทอดธุรกิจ ทว่า 4 ปีก่อน ขณะที่ “ชูชาติ” ผู้เป็นพ่ออายุ 60 ปี อีกทั้งด้วยบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเข้ามาช่วยพ่อแม่ โดยทำงานในลักษณะผู้ช่วยคุณแม่ดูแลเรื่องการเงิน ที่ตามสไตล์การทำงานของ “ชูชาติและดาวนภา” นั้น “ปริทัศน์” กล่าวว่า เขาจะปล่อยให้ลูกทำเอง หากมีอะไรสำคัญค่อยรายงานในลักษณะแม่ลูกคุยกันมากกว่า

 

การเดินทางของ เมืองไทย แคปปิตอล ยังไม่จบเพียงเท่านี้ “ชูชาติ” ได้วางเป้าหมายในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือ ในปี 2569 ว่า พอร์ตสินเชื่อจะเติบโตทะลุ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อดูผลประกอบการล่าสุด ก็เชื่อว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

 

ผังครอบครัว 'เพ็ชรอำไพ'

เลาะชีวิต ตระกูล \"เพ็ชรอำไพ\"  อาณาจักรสินเชื่อ 8 หมื่นล้าน