แห่ร้องเรียนทวงหนี้โหดเพียบ

ธปท.เผยยังมีประชาชนร้องเรียนปัญหาทวงหนี้โหดผ่านศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อจำนวนมาก ต้องส่งหนังสือตักเตือนหลายแห่ง

นายกำธร ประเสริฐสม หัวหน้าศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ดำเนินการเปิดศูนย์มาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2552 มาจนถึงสิ้นเดือน พ.ย. 2553 มีประชาชนร้องเรียนถึง 5,760 เรื่อง เฉลี่ยเดือนละ 310 เรื่อง

ประชาชนส่วนใหญ่จะร้องเรียนในเรื่องปัญหาการถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหาย 37 ราย มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 4 ล้านบาท

รองลงมาเป็นปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับการบริการของสถาบันการเงิน เช่น การขอสินเชื่อไม่ได้ การคิดค่าธรรมเนียมไม่เป็นธรรม ปัญหาการทวงถามหนี้

ทั้งนี้ ในการติดตามหนี้ในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มักว่าจ้างบริษัทภายนอกมาทำหน้าที่ติดตามทวงหนี้ให้ แต่ตัวแทนเหล่านี้ยังมีพฤติกรรมทวงหนี้อยู่หลายแห่ง ทำให้ ธปท.ต้องทำหนังสือไปตักเตือนให้ธนาคารผู้ว่าจ้างทำการว่ากล่าวตักเตือนบริษัทตัวแทน เพราะถึงที่สุดธนาคารต้องรับผิดชอบการทำงานของบริษัทที่เป็นตัวแทนด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องร้องเรียนทั้งหมดพบว่า สามารถแก้ไขไปได้กว่า 95% แล้ว

“เท่าที่ตรวจสอบปัญหาของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เกิดจากการที่ตัวแทนทวงหนี้ของธนาคารมีรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดการติดตามทวงหนี้ที่ติดตามได้ ทำให้ตัวแทนของหลายแบงก์ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอยู่ ซึ่ง ธปท.ก็ได้ตักเตือนไปแล้วหลายธนาคาร เพื่อให้ไปตักเตือนบริษัททวงหนี้ต่อไป ตอนนี้ถึงกฎหมายหลักเกณฑ์การทวงหนี้จะมีระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามมีพฤติกรรมการทวงหนี้ที่ไม่เหมาะสม แต่ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการทวงหนี้ที่ไม่เหมาะสมยังมีอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีปัญหาก็มากขึ้น แต่ช่วงเศรษฐกิจดีปัญหาก็ลดลงบ้าง” นายกำธร กล่าว

นายกำธร เปิดเผยว่า ส่วนปัญหาการขอสินเชื่อไม่ได้ ถูกปฏิเสธสินเชื่อก็ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากผู้ขอกู้คุณสมบัติไม่ครบมากกว่า เช่น รายได้ไม่เพียงพอกับวงเงินกู้ ธปท.ก็ช่วยอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชน

นอกจากนี้ ในบางราย ธปท.ยังได้แนะนำให้ไปที่ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนของกระทรวงการคลังด้วย ซึ่งก็สามารถแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น

ด้านนางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์และติดตามฐานะ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า จะมีการขยายระยะเวลาการทำงานของศูนย์ออกไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2554 จากเดิมที่จะปิดการทำงานของศูนย์ในสิ้นปีนี้ เนื่องจากยังเห็นว่ามีประโยชน์กับประชาชนในการสอบถามและให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิและการบริการของสถาบันการเงินได้พอสมควร

นอกจากนี้ ธปท.ยังอยู่ระหว่างพิจารณาให้ศูนย์ทำหน้าที่ถาวร โดยให้เป็นหน่วยงานหนึ่งของ ธปท. เพราะเห็นว่าเป็นช่องทางในการสื่อสารระหว่างประชาชนกับ ธปท. ที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย