posttoday

ความเงียบในถังข้าวสาร

17 กุมภาพันธ์ 2562

200 ปีต่อมา ประชาชนโชซอนจึงได้รู้ว่า องค์ชายรัชทายาท “ซาโด”

200 ปีต่อมา ประชาชนโชซอนจึงได้รู้ว่า องค์ชายรัชทายาท “ซาโด” พระราชโอรสของพระเจ้ายองโจ ได้ถูกพระบิดาของพระองค์เอง“สั่งให้ตาย” ด้วยความยินยอมจากพระสนมยองบิน (ตระกูลอี) พระมารดาแท้ๆ ของพระองค์เอง...

พระเจ้ายองโจ (1694–1776) เป็นกษัตริย์ในราชวงศ์โชซอนองค์ที่ 21 ปกครองคาบสมุทรเกาหลี แต่มิอาจให้พระราชโอรสมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ พระองค์มีราชบุตรเหลือเพียงพระองค์เดียวคือ องค์ชายรัชทายาทซาโด ทว่ากลับมีพระสติวิปลาส เข่นฆ่า ข่มเหง ข้าราชบริพาร ข่มขืนนางกำนัล...อย่างไรก็ตาม การเป็นองค์ชายรัชทายาทเพียงพระองค์เดียว ทำให้พระเจ้ายองโจมิอาจปลดพระองค์ลงได้ และเพราะเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท กฎมนเทียรบาลจึงละเว้นพระองค์มิให้ถูกผู้ใดแตะต้องพระวรกายให้เลือดออกได้

ความวุ่นวายในพระราชฐานจากการกระทำขององค์ชายรัชทายาท ที่ไพร่ฟ้าประชาชนมิอาจล่วงรู้ได้ดำเนินมายาวนานเกือบ 20 ปี พระองค์ทำร้ายผู้คนและพระราชวงศ์จนเกินกว่าที่จะควบคุมได้ แม้แต่ “พระชายาฮเย-กยอง” ของพระองค์ก็ถูกทำร้าย พระสนมคนใหม่ถูกพระองค์ฆ่าตายกับมือ พระโอรส ธิดา ต่างหวาดผวา...จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุด เมื่อองค์ชายรัชทายาทไล่ล่าบุตรขุนนางและพยายามที่จะเข้าไปในพระราชฐานที่พำนักของพระเจ้ายองโจ จนผู้คนเล่าลือว่า องค์ชายจะเข้าไปทำร้ายพระราชบิดา จึงเป็นจุดที่ทำให้ พระสนมยองบิน พระมารดา ได้ตัดสินใจเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ...เพื่อตัดสินชีวิตบุตรชาย

เรื่องราวตอนนี้สำคัญยิ่ง ปรากฏความกระจ่างในบันทึกลับในอดีตที่ชื่อว่า “ฮันจุงโนก” (한중록: The Memoirs of Lady Hyegyeong) หรือ “บันทึกในความเงียบ” ซึ่งเป็นบันทึกความทรงจำของ “พระชายาฮเย-กยอง” ของ “องค์ชายรัชทายาทซาโด”เอง ความว่า...

พระสนมยองบินได้เขียนจดหมายถึงพระชายาฮเย-กยอง เกี่ยวกับข่าวลือที่ว่าองค์ชายรัชทายาทซาโด พยายามที่จะเข้าไปทำร้ายพระราชบิดา และพระสนมยองบิน กล่าว “ขอโทษล่วงหน้า” ต่อพระชายา (ผู้เป็นลูกสะใภ้) ในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป...ในวันเดียวกันนั้นเอง พระสนมยองบินได้เข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจเพื่อต่อรองบางสิ่งบางอย่างเพื่อปกป้องหลานๆ ตนเอง ซึ่งก็คือ พระโอรส ธิดา ขององค์ชายรัชทายาทซาโด

ความเงียบในถังข้าวสาร

ตามกฎหมายการปกครองของโชซอน...หากผู้ใดถูกตัดสินว่าก่อการกบฏ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดิน ผู้นั้นรวมทั้งครอบครัวสายตรง และข้าทาสบริวารต้องถูกลงโทษด้วย โทษตายได้แก่ตัว ส่วนคนในครอบครัวและข้าทาสอาจถูกเนรเทศ หรือส่งไปเป็นทาสหลวง...ด้วยเหตุนี้ หากองค์ชายรัชทายาทถูกลงโทษด้วยข้อหาที่ร้ายแรง ครอบครัว ได้แก่ พระชายา และผู้สืบทอดตระกูล ได้แก่ พระโอรส ต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามไป “พระสนมยองบิน” จึงร้องขอให้ยกเว้นครอบครัวขององค์ชายรัชทายาทซาโด ด้วยเหตุนี้ครอบครัวตระกูลฮงดั้งเดิมของพระชายาจึงได้ส่งเกี้ยวมารับพระชายาและโอรสธิดาออกจากพระราชวังในทันที

ประเด็นต่อมา คือ การจะลงโทษองค์ชายรัชทายาทให้ถึงพระโลหิตเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คนที่จะลงมือได้ คงมีแต่พระบิดา และต้องไม่ให้มีการต้องพระโลหิต...พระเจ้ายองโจจึงรับสั่งให้องค์ชายรัชทายาทซาโด มาที่หน้าพระตำหนักใน “พระราชวังชาง-คยอง” (ที่ซึ่งเรากำลังยืนชมจันทร์ในยามค่ำคืนอยู่นี้...บรื๊ยยย) และสั่งให้องค์ชายลงไปอยู่ในถังเก็บข้าวสารที่ว่างเปล่า...องค์ชายทรงทราบแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์ได้ร้องขอชีวิตแต่ไม่เป็นผล พระองค์ทรงลงไปอยู่ในถังเก็บข้าวสาร แต่แล้วก็ปีนออกมาอีกครั้งเพื่อขอชีวิต...

ในที่สุด องค์ชายรัชทายาทได้ถูกขังอยู่ในถังข้าวสาร ซึ่งถูกมัดด้วยเชือกและใช้หญ้าห่อหุ้มอีกชั้น ไม่มีช่องทางที่จะได้อาหารหรือน้ำดื่มกิน ถังข้าวสารถูกยกขึ้นไปบนพระราชวัง องค์ชายส่งเสียงตอบจากข้างในถังข้าวสารเป็นระยะ จนคืนวันที่ 7 ก็สิ้นเสียงและลมหายใจ...พระเจ้ายองโจประกาศว่าองค์ชายรัชทายาทสิ้นพระชนม์ในวันถัดมา ซึ่งนับได้เป็นวันที่ 12 ก.ค. ปี ค.ศ. 1762 พระชนมายุ 27 ชันษา...ปิดฉากชีวิตของราชวงศ์อีกคนที่สิ้นพระชนม์อย่างผิดธรรมชาติและถูกทิ้งไว้เป็นความลับมายาวนาน เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบแก่ทุกคนในครอบครัว ไม่ว่า พระเจ้ายองโจ (บิดา) พระสนมยองบิน (มารดา)
พระชายา และโอรส ธิดา...ทุกพระองค์ทรงโศกเศร้ากับเรื่องนี้ตลอดชีวิต

ความเงียบในถังข้าวสาร

การเมืองภายในอาณาจักรโชซอนซับซ้อนมาก ขุนนางแบ่งเป็นหลายฝักฝ่าย การสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรัชทายาทซาโดก็เกี่ยวพันกับขั้วอำนาจในพระราชวงศ์ ซึ่งมีทั้งแรงผลักและดูดจากขุนนางผสมอยู่ด้วย ดังนั้นพระเจ้ายองโจจึงต้องปกป้องราชวงศ์ ด้วยการสถาปนาองค์ชายรัชทายาทพระองค์ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเพียงพระโอรสขององค์ชายรัชทายาทซาโด คือ “องค์ชายอีซาน” หรือลีซาน ที่บรรดาสาวกเกาหลีรู้จักดีในซีรี่ส์เรื่องต่างๆ...

เรื่องนี้ทำให้พวกขุนนางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคัดค้าน เพื่อป้องกันมิให้ถูกขุนนางยกเหตุที่ว่า องค์ชายอีซานสืบสายเลือดมาจากกบฏราชวงศ์หรือคนสติวิปลาส ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ขัดขวางต่อการขึ้นครองราชย์ ดังนั้น จึงต้องพึ่งชื่อของ องค์ชายรัชทายาท “ฮโยจาง” ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปก่อนหน้าแล้วถึง 34 ปี (พระชนมายุ 9 ชันษา) ให้มาเป็นพระบิดาบุญธรรมของ “องค์ชายอีซาน”...จากนั้นจึงแต่งตั้งองค์ชายอีซานขึ้นเป็นองค์ชายรัชทายาทได้...อ่านประวัติศาสตร์เกาหลีแล้วซับซ้อนมาก

ว่ากันว่า ณ วันที่องค์ชายรัชทายาทอีซานขึ้นครองราชย์ต่อจาก “พระเจ้ายองโจ” (ปู่) เป็น “พระเจ้าจองโจ” นั้น พระองค์ประกาศว่า “ข้าเป็นบุตรขององค์ชายรัชทายาทซาโด” ทำเอาพวกขุนนางที่เคยวางแผนให้ร้ายหรือดีใจกับการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรัชทายาทซาโดถึงกับขนหัวลุกไปตามๆ กัน (ตูจะถูกเช็กบิลหรือไม่ !!! )

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 15 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน