ขยับเพดานดอกเบี้ย

ไทยพาณิชย์ปรับเพดานดอกเบี้ยธุรกิจรายย่อยชนเพดาน 28% รับดิจิทัลเลนดิ้งทดลองปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มใหม่

นายอารักษ์ สุธีวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ อาวุโส ด้านการเงินและด้านกลยุทธ์ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเพื่อการ ประกอบธุรกิจสำหรับลูกค้าธุรกิจรายย่อย ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือมี หลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เต็มวงเงิน หรือสินเชื่อไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้ปรับกรอบเพดานสูงสุด 28% จากเดิมอยู่ที่ 20.63-22.37% เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 2562

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการปรับดอกเบี้ยดังกล่าวไม่ใช่การขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ แต่เป็นการขยายกรอบเพดานให้มีความยืดหยุ่น เพื่อสอดคล้องกับแผนธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นขยายสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันมากขึ้น ซึ่งในปีนี้จะมีการทดลองปล่อยสินเชื่อในช่องทางดิจิทัล (ดิจิทัลเลนดิ้ง) ซึ่งจะมีเทคโนโลยีประมวลผลฐานข้อมูล (ดาต้าอะนาไลติกส์) และ นำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาใช้ ส่งผลให้ธนาคารประเมินความเสี่ยงได้ดีขึ้น และปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มใหม่โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อยซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาให้เข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่จะมุ่งไปมีความเสี่ยงหลากหลาย ทำให้ดอกเบี้ยที่คิดกับลูกค้าแต่ละรายค่อนข้างเหวี่ยง โดยเฉพาะลูกค้าที่วงเงินไม่ใหญ่มาก จึงจำเป็นต้องปรับกรอบเพดานดอกเบี้ยให้รายได้เหมาะสมกับความเสี่ยงลูกค้าที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) ในขณะนี้ยังไม่ เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 7.37% เท่าเดิม โดยปรับขึ้นเฉพาะการบวกเพิ่ม ฉะนั้นถ้าเมื่อใด ที่ดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ปรับขึ้น การบวกเพิ่มจะปรับลดลงมาเพื่อให้เท่ากับเพดาน 28%

"ดอกเบี้ยลูกค้าทุกรายไม่ได้ชนเพดาน 28% เสมอไป บางรายอาจไม่ถึงก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง" นายอารักษ์ กล่าว

สำหรับดอกเบี้ยที่ปรับใหม่ของลูกค้าธุรกิจรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน ประกอบด้วย ดอกเบี้ยสูงสุดกรณีปกติ ทั้งวงเงิน สินเชื่อทั่วไป และวงเงินเบิกเกินบัญชี (โอดี) คิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์บวก 20.63% และ ดอกเบี้ยสูงสุดกรณีผิดนัดชำระหนี้หรือผิดเงื่อนไขหรือเกินวงเงินโอดี คิดดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์บวก 20.63% จากประกาศเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2561 ที่คิดดอกเบี้ยสูงสุดกรณีปกติเอ็มอาร์อาร์บวก 12% หรือเท่ากับ 19.37% และดอกเบี้ยสูงสุดกรณีผิดนัดชำระหนี้ที่ระดับเอ็มอาร์อาร์บวก 15% เท่ากับ 22.37%