โลกเต็มไปด้วย สิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จัก
นักวิทยาศาสตร์หย่อนลิฟต์ใต้น้ำจากดาดฟ้าเรือลงบริเวณที่ลึกที่สุดในโลก
โดย 0000000
นักวิทยาศาสตร์หย่อนลิฟต์ใต้น้ำจากดาดฟ้าเรือลงบริเวณที่ลึกที่สุดในโลก ซึ่งรู้จักกันในนาม “ร่องลึกก้นสมุทร มาเรียนา” (Mariana Trench) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ลิฟต์ตัวนี้สามารถดำดิ่งลงไปถึงความลึก 11 กิโลเมตร โดยระหว่างทางกล้องจะบันทึกภาพสิ่งมีชีวิตใน “ภูมิประเทศ” ที่ไม่เคยสำรวจมาก่อน นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ ยังวางปลาแมกเคอเรลไว้บนลิฟต์เพื่อเป็นเหยื่อดึงดูดปลาและสัตว์น้ำที่หิวกระหายอื่นๆ เพื่อจับตัวอย่างสัตว์ใต้ทะเลลึกขึ้นมาศึกษาบนผิวน้ำ
การเดินทางสู่พื้นมหาสมุทรใช้เวลาราว4 ชั่วโมง ระหว่างนี้กล้องก็ได้ถ่ายภาพความมหัศจรรย์ใต้น้ำลึกอย่างปลาร็อกเกรนาเดีย (Rock Grenadier) และปลาไหลคัสอีล (Cusk-eel) และหลังจากประมาณ 2 ชั่วโมง ลิฟต์ก็จะถึงบริเวณร่องลึกมาเรียนาด้านบน ซึ่งไม่เคยมีการพบปลาที่ความลึกระดับสุดขั้วนี้มาก่อน แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ต้องถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นปลาขนาดเล็กแสนประหลาดกำลังว่ายน้ำที่ความลึก 8 กิโลเมตรจากผิวน้ำ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าพวกเขากำลังพบสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่
สปีชีส์ใหม่อีกนับล้านๆ
ปลาน้ำลึกชนิดดังกล่าวถูกบรรจุให้อยู่ในรายชื่อสิ่งมีชีวิตค้นพบใหม่ราว 1.5-1.8 หมื่นชนิดที่มีการรายงานตลอดทั้งปี ไม่น่าแปลกใจอีกเช่นกันว่า แมลงเป็นสัตว์ที่ถูกค้นพบใหม่เป็นอันดับ 1 แต่ไม่ใช่แค่สัตว์ขนาดเล็กเท่านั้น เพราะมันยังรวมถึงสัตว์ขนาดใหญ่อย่างอุรังอุตังที่มีการค้นพบในหมู่เกาะสุมาตราเมื่อปี 2017 อีกด้วย
จากการประเมินของทีมนักวิทยาศาสตร์จากแคนาดาและฮาวาย นักชีววิทยาคงได้เตรียมทักทายกับสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ อีกมาก นักวิทยาศาสตร์คำนวณเชิงสถิติและพบว่าน่าจะมีสัตว์บกอีกราวร้อยละ 86 และสัตว์น้ำราวร้อยละ 91 ที่ยังไม่เคยมีการค้นพบและจัดจำแนกมาก่อน การคำนวณนี้แสดงให้เห็นว่าแม้โลกจะเป็นที่อยู่ของสัตว์ราว8.7 ล้านชนิด แต่มีเพียง 9.55 แสนชนิดที่ได้รับการจัดจำแนก สปีชีส์ส่วนใหญ่ที่เราไม่รู้จักคือสัตว์ที่อาจจะหาพบได้ยากด้วยสาเหตุหลายประการ เช่น พวกมันอาจมีขนาดเล็กมาก หรือหลบซ่อนอยู่ในที่ซึ่งคิดไม่ถึงหรือเข้าถึงได้ยาก นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า มีสัตว์ 7.7 ล้านชนิด หรือร้อยละ 88 ที่รอการค้นพบ
แม้ว่าในเบื้องต้นตัวเลขอาจจะดูสูงมาก แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็แสดงให้เห็นว่าการคำนวณนี้น่าจะถูกต้อง ในปี 1980 นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งเดินทางไปยังป่าเขตร้อนของปานามาเพื่อศึกษาความหลากหลายทางธรรมชาติสุดขั้ว การศึกษาของพวกเขาบนต้นไม้เพียง 19 ต้น กลับนำไปสู่การเจอด้วงที่แตกต่างกัน 1,200 ชนิด โดยมีราวร้อยละ 80 ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
สิ่งมีชีวิตที่หาได้ยาก
เราอาจไม่พบกับสิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จักทั้งหลายเลยก็เป็นได้ เพราะพวกมันอาศัยอยู่ในพี้นที่เดียว เช่น ป่า หรือทะเลสาบแห่งเดียวในโลก
เมื่อ ชาร์ลส์ ดาร์วิน นักชีววิทยาชาวอังกฤษ เดินทางไปหมู่เกาะกาลาปากอสด้วยเรือเอชเอ็มเอส บีเกิล (HMS Beagle) เขาพบกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนหลายชนิด สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อาศัยอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่มีระบบนิเวศอันประกอบไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น กิ้งก่าคาเมเลียนที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกอย่างกิ้งก่า Brookesia micra ขนาด 30 มิลลิเมตรที่เพิ่งค้นพบบนเกาะหินขนาดเล็กโดดเดี่ยวโนซีฮารา (Nosy Hara) นอกชายฝั่งมาดากัสการ์ซึ่งมันอาศัยอยู่ในร่องหิน
ป่าเขตร้อนอย่างบอร์เนียวและมาดากัสการ์เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าที่มีเอกลักษณ์นักวิทยาศาสตร์สามารถเจอสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ โดยไม่ต้องการตัวช่วยเมื่อพวกเขาเดินทางไปยังพื้นที่เหล่านี้ แต่เป็นเรื่องยากมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์จะเดินทางไปค้นหาสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ในมหาสมุทร ซึ่งกินพื้นที่ราวร้อยละ 71 ของโลก เป็นที่รู้กันว่ามีบริเวณเพียงเล็กน้อยของมหาสมุทรเท่านั้นที่ได้รับการสำรวจ มีอีกหลายบริเวณที่ยากจะเข้าถึงเพราะความลึกและความดันที่สูงใต้น้ำลึก ในปีๆ หนึ่งนักวิทยาศาสตร์จะค้นพบสิ่งมีชีวิตในทะเลใหม่ๆ ราว1,500-2,000 ชนิด/ปี แม้ว่าทะเลสาบจะมีสิ่งมีชีวิตนับล้านชนิดก็ตาม กระนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่จำเป็นต้องดำดิ่งลงสู่ใต้มหาสมุทรเสมอไป ในปี 2013นักวิทยาศาสตร์ค้นพบปูเสฉวนชนิดใหม่ ที่ความลึกราว 200-300 เมตร นอกชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกาใต้ สัตว์ชนิดนี้มีความพิเศษตรงที่ไม่ได้ใช้เปลือกหอยที่ทิ้งแล้วเหมือนปูเสฉวนชนิดอื่น แต่พวกมันใช้บ้านที่ทำจากสิ่งมีชีวิตจำพวกดอกไม้ทะเล
การค้นพบเผยของขวัญแสนพิเศษ
การศึกษาปลาสเนลฟิช (Snailfish) จากร่องลึกมาเรียนาแสดงให้เห็นว่าปลาพวกนี้สามารถปรับตัวด้วยกลไกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนจนมีชีวิตรอดภายใต้ความดันสูงที่ความลึกระดับ 8 กิโลเมตรจากผิวน้ำ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเอนไซม์พิเศษในกล้ามเนื้อปลาที่ทำหน้าที่ได้ดีภายใต้ความดันสูง
และยังพบว่าในเซลล์ของปลาชนิดนี้มีสาร TMAO มากเป็นพิเศษ ซึ่งป้องกันโปรตีนไม่ให้เสียสภาพจากความดันด้วยการเลียนแบบชีววิทยาของปลาชนิดนี้ อาจช่วยให้นักดำน้ำสำรวจมหาสมุทรได้ลึกขึ้น จนไปพบกับสิ่งมีชีวิตที่หลบซ่อนอยู่อีกนับล้านๆ สปีชีส์


