โบรแมนซ์ = ผู้ชายถูกชะตากันเอง
วันหนึ่งผมเผอิญไปอ่านสัมภาษณ์นิตยสารฝรั่งฉบับหนึ่ง มีพ่อลูกสองคน
โดย ดร.ต้อง เดอะ ฟิลเตอร์ ภาพ : Pixabay
วันหนึ่งผมเผอิญไปอ่านสัมภาษณ์นิตยสารฝรั่งฉบับหนึ่ง มีพ่อลูกสองคน ที่บ่นสังคมอเมริกันว่า ทำไมตั้งคำว่า Bromance (คู่จิ้นหรือผู้ชายคู่จิ้น) ขึ้นมา จนทำให้เขาไม่สามารถผูกสัมพันธ์กับเพื่อนชายที่เป็นพ่อของลูกรุ่นเดียวกันที่อยู่บ้านหลังใกล้ๆ เพราะกลัวถูกภรรยาล้อว่าเป็น “เพื่อนกูรักมึงว่ะ” หรือภาษาฝรั่งเรียกว่า “Man Date” - “Bromance” - “I Love You Man” (จากภาพยนตร์ล้อความสัมพันธ์ชาย-ชาย)
โบรแมนซ์ (Bromance) เป็นคำผสมระหว่าง Brother (พี่หรือน้องชาย) และ Romance (ความรักโรแมนติก) โบรแมนซ์ที่มีความหมายส่วนหนึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์กัน ระหว่างชายแท้ที่ไม่มีเรื่องเพศสัมพันธ์หรือความรู้สึกแบบคู่รักปน
ทั้งคู่อาจแสดงออกถึงความรู้สึกทางกาย รวมไปถึงการใช้ชีวิตเที่ยวเล่น หาความสนุกเพลิดเพลินร่วมกัน ไปจนถึงอยู่ร่วมห้อง แม้แต่นอนด้วยกันได้ แต่ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น และชัดเจนว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ถือเป็นรักบริสุทธิ์ หรือเพลโตนิกเลิฟ (Platonic Love) ตามนิยามของเพลโต นักปรัชญาชื่อดังชาวกรีกโบราณ ช่วง 427-347 ปีก่อนคริสตกาล
จริงๆ ผมเองก็ให้คำปรึกษาผู้ชายทั้งโสดและมีคู่ ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะได้พบว่าหลายคนจะมีก๊วนเพื่อนเพศเดียวกันที่รักกันแนวๆ นี้ และไม่ใช่เรื่องแปลกพิสดารอะไร
ไม่นานมานี้ ผมก็เพิ่งได้คุยกับผู้บริหารใหญ่ชายแท้ มีภรรยาและลูกสาวน่ารักสองคนท่านหนึ่ง เขามักเล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์สนิทสนมระหว่างเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนบริษัทร่วมกัน ที่บางทีไม่ใช่แค่นอนห้องเดียวกันเวลาไปทำงาน ประชุมต่างประเทศ แต่มีความห่วงใยถามถึงทุกข์สุขกันแบบพี่น้อง ที่ดูค่อนข้างจะถูกชะตากันมาก จนคนนอกอาจสงสัยได้ เพราะดูสนิทสนม ถูกชะตากันเกินกว่าปกติ
คนเหล่านี้จริงๆ มักเป็นผู้ชายแนวไม่ค่อยนิยมเที่ยวผู้หญิงเยอะ เพราะรู้ตัวว่าเสี่ยง และยั้งตัวเองไม่อยู่จนบ้านแตก ส่วนใหญ่จะอยากคุยอารมณ์ความรู้สึกหรืออะไรลึกๆ กับเพื่อนผู้ชายด้วยกันมากกว่าแค่ดื่มเบียร์ ดูบอล คุยโวเรื่องหญิง (Scoring)
พวกเขารู้ดีว่า เวลาไปทำงาน ถ้าเหงามากๆ ก็อาจเผอเรอไปทำอะไรเลยเถิด การมีเพื่อนสนิทไปด้วยเวลาไปทำกิจธุระต่างจังหวัดหรือต่างประเทศช่วยอะไรได้พอควร และเผอิญเขาเป็นผู้ชายที่ไวต่อความรู้สึกและไม่ชอบคุยเรื่องจุกจิกไร้สาระ หรือคุยโวโอ้อวดเรื่องเพศ แต่อยากหาเพื่อนรู้ใจปรึกษาเรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องการเลี้ยงลูก เรื่องเครียดที่ทำงาน รวมถึงเรื่องในมุ้งที่คุยกับผู้หญิงให้เข้าใจลำบาก หรือไม่ถ้าคุยกับผู้หญิงไปเรื่อยๆ อาจเกินเลย เพราะผู้ชายยังไงก็ผู้ชาย ถ้ามีใจ กายมักไปตาม ยิ่งอยู่กันสองต่อสอง ยิ่งคุมเกมยาก
กลับมาที่เรื่องบทความที่ผมอ่านเจอจากนิตยสารฝรั่ง ที่เกริ่นนำจั่วหัวมาตอนต้น ผมเห็นสาเหตุที่พ่อลูกสองท่านนี้บ่น มันไม่ต่างอะไรจากลูกค้าผู้ชายหลายคนที่ผมให้คำปรึกษา แต่ฝรั่งคนนี้เขาโชคดีได้เจอเพื่อนสนิทเป็นคนข้างบ้านพอดี เป็นพ่อลูกหนึ่ง ซึ่งมีรสนิยมการใช้ชีวิตคล้ายๆ กัน แถมคุยได้ทุกเรื่อง และเหตุที่ทั้งสองคนเป็นคนที่ชอบคุยอะไรลึก และเจอกันเริ่มบ่อยขึ้น เพราะชอบปั่นจักรยานมากเหมือนกัน
ภรรยาเลยเริ่มล้อ (คงอาจงงและขำ) จนสามีต้องจับภรรยานั่งคุยว่า ขอเขามีพื้นที่ให้ “คนถูกชะตา” บ้าง และหยุดเรียกว่า “คู่จิ้น” เหอะ (Man-Date) ภรรยาเริ่มเข้าใจ แต่ก็ยังงง ว่ามีฉัน มันไม่พอเหรอ? ปรึกษาฉันก็ได้นะ (ฟังอย่างนี้ สามีนิ่ง ไม่รู้จะตอบภรรยาอย่างไร?)
โดยปกติความสัมพันธ์สามีภรรยา มันต้องมีความเป็นเพื่อนสนิทอยู่เป็นทุนอยู่พอควรทีเดียว เพราะมันคือความสัมพันธ์เพื่อประคองสุขภาพจิตของทั้งสองฝ่าย แต่พอมี “คู่จิ้น” เข้ามา ภรรยาอาจงง เพราะมองแนวสามีตัวเองไม่ออก และยิ่งเห็นคุยกันบ่อยๆ และคุยลึก มีการคุยความรู้สึก ภรรยาก็เริ่มดูแล้วเอะใจว่า หรือสามีเราเพิ่งรู้จักตัวตนของตัวเอง?
จริงๆ ในโลกปัจจุบัน การที่ผู้ชายแท้มี “คู่จิ้น” หรือคนถูกชะตาก็ไม่ผิดอะไร เพราะเราต่างเป็นมนุษย์สังคม การมีคนที่เราสามารถ “สะท้อนความคิด ความรู้สึก” กับคน “จริต” และเพศเดียวกัน ที่มีแต่ความหวังดี และมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนรู้ใจ นั้นเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต
จริงๆ คู่จิ้น (ที่ไม่มีนัยแอบแฝง) จะทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาดีขึ้นด้วยซ้ำ เนื่องจากมีคนคอยให้สติ เพราะส่วนใหญ่คู่จิ้นไม่มี Hidden Agendas (วาระซ่อนเร้น) และมักจะเป็นคนที่ผ่านอะไรมาคล้ายๆ กัน จนแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ดี และมักจะไม่จุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวกันอย่างไม่จำเป็น
เอาเป็นว่า ถ้าไม่มีการงอน หึงหวง อะไรแบบน่าสงสัย ปล่อยผ่านเถอะครับ ขอพื้นที่ให้ผู้ชายของคุณบ้าง
เหตุเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่ชิน และไม่เชื่อปรากฏการณ์คู่จิ้นเท่าไร? (อายุน้อยยังเชื่อ แต่แก่ๆ เนี่ยเริ่มงงๆ) เลยไม่เห็นประโยชน์ ผู้ชายรุ่นใหญ่ที่เครียด เลยต้องไปหาคู่จิ้นสาวๆ รุ่นน้อง หรือไม่ก็เลขาคนสนิทที่ยอมฟัง แต่สะท้อนความคิดความรู้สึกไม่ค่อยได้ และกลายเป็นการเสพติด แบบไม่แก้ปมอะไรเลย
ขณะที่ผู้หญิงมีคู่จิ้นได้ตลอด สังคมไม่ห้ามอะไร ภรรยาเวลาเครียด มีคนคุย แต่สามีก็เงิบๆ งงๆ ไม่รู้จะไปคุยกับใคร (ดูบอลดื่มเบียร์ ตีกอล์ฟ ไปตามประสาเดิมๆ)
จริงๆ ในฐานะนักบำบัด ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต ผู้ชายทุกคนก็ควรมีเพื่อนเพศเดียวกันไว้คุยเรื่องลึกๆ ด้วย ไม่ว่าจะอายุน้อย มากกว่า หรือเท่าเทียมกัน ไม่สำคัญ แต่ควรเป็นคนคอเดียวกันที่ยินดีคุยมากกว่าเรื่องบอล หญิง การเมือง ฯลฯ รวมถึงเรื่องฆ่าเวลาทั่วไปที่ผู้ชายพอคุยกันเป็นกระษัย (Cliche)
ปัญหาครอบครัวที่ผมมักเห็นคือ ผู้ชายเครียดแล้วไปปรึกษาเพื่อนสาวคนสนิท ที่พอเริ่มเข้าอกเข้าใจก็กลายเป็นรักสามเส้ามากกว่า เพราะไม่คิดว่าผู้ชายด้วยกันจะคุยกันได้ลึกแบบนั้น ผู้ชายที่ไม่กล้าคุยลึกๆ กับเพื่อนชายด้วยกัน มักเจอปัญหานี้ได้ง่ายกว่าผู้ชายที่มีเพื่อนสนิท เพื่อนชายที่ถูกชะตา คอยเตือน คอยกระตุกสติให้คิดเยอะๆ จริงๆ ผู้ชายทุกคนถ้าชีวิตไม่เครียด เรื่องเพศนอกสมรสก็มักพอควบคุมตัวเองได้
บทความนี้ไม่มีอะไรมากครับ อยากให้คุณผู้หญิงแค่เปิดใจเรื่องผู้ชายถูกชะตากันเอง เพราะอาจช่วยชีวิตครอบครัวเราให้ราบรื่นได้ จากประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา ผมว่าช่วยได้พอควรทีเดียว
จากใจครับ


