ธรรมชาติไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์
“อนาคตของมนุษยชาติอยู่ในความเสี่ยง …”
โดย เพ็ญแข สร้อยทอง
“อนาคตของมนุษยชาติอยู่ในความเสี่ยง …”
แฮร์ริสัน ฟอร์ด ขึ้นเวทีโกลบอล ไคลเมต แอ็คชั่น ซัมมิท 2018 ที่ซานฟรานซิสโก เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมแบ่งปันความรู้สึกนึกคิดของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของโลก
“เราต้องหยุดเลือกผู้นำที่ไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์สักที...” เป้าโจมตีของดาราดังคือ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีผู้ปฏิเสธปัญหาโลกร้อน
นักแสดงชายชาวอเมริกันวัย 76 ปีผู้นี้เป็นที่รู้จักกันดีจากบทในหนัง Star Wars, Indiana Jones และอื่นอีกมากมาย ในช่วงหลายปีหลัง นอกจากงานวงการบันเทิงแล้ว แฮร์ริสัน ฟอร์ด ยังมีเวลาสำหรับการทำงานเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อม และโลกอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เด็กๆ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ฝันใฝ่อยากจะเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แต่เขาก็เดินเข้าสู่เส้นทางของโลกภาพยนตร์เสียก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาเลิกชื่นชมหลงใหลในธรรมชาติ ในปี 1991 เขาเข้าร่วมกับคอนเซอร์เวชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรไม่หวังผลกำไรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ในฐานะกรรมการ ก่อนจะรับตำแหน่งรองประธาน เขาทำงานร่วมกับบุคคลจากหลากหลายวงการในหลากหลายโปรเจกต์เกี่ยวกับการปกป้องดูแลสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และสัตว์ป่า โดยแฮร์ริสันทำหน้าที่ดูแลเรื่องการเติบโตขององค์กร และด้านการสื่อสาร นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของมูลนิธิอี.โอ.
วิลสัน ไบโอไดเวอร์ซิตี้ เขาเคยได้รับหลายรางวัลสำหรับการทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมีแมงมุมและมดสายพันธุ์ใหม่ถูกตั้งชื่อตามเขาด้วย
สิ่งที่เขาทำประจักษ์ชัดต่อสายตาของผู้คนผ่านทางซีรีส์ทางโทรทัศน์เกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Years of Living Dangerously ซึ่งจะออกอากาศทางช่องโชว์ไทม์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
เพื่อถ่ายทำรายการนั้นเขาได้เดินทางไปอินโดนีเซีย หนึ่งในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน มีการถางพงพื้นที่ป่าซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อทำการเกษตร อุตสาหกรรมกระดาษ การปลูกปาล์มน้ำมัน การทำเหมือง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การเดินทางไปของพระเอกฮอลลีวู้ดทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียในขณะนั้นไม่พอใจอย่างมาก เขาถูกหาว่า “หยาบคาย” กับรัฐมนตรีกระทรวงป่าไม้ เพราะตั้งคำถามเชิงรุกและโจมตีเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พฤติกรรมของเขาคือ “การคุกคามสถาบันรัฐ” แฮร์ริสันเดินทางออกจากอินโดนีเซียขณะที่มีข่าวลือว่า รัฐบาลจะออกคำสั่งเนรเทศ
แฮร์ริสัน ฟอร์ด เล่าถึงเบื้องหลังการเข้าร่วมรายการนี้ว่า เขาต้องการให้ผู้คนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และได้พบกับหนทางแก้ไข
ในฐานะนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กระตือรือร้น แฮร์ริสัน ฟอร์ด เปิดหน้าเผชิญหน้ากับนโยบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมของ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศถอนตัวจากความตกลงลดโลกร้อน รวมทั้งการสนับสนุนการดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและนิวเคลียร์ และตัดงบประมาณโครงการด้านสิ่งแวดล้อม
เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ขณะรับรางวัลจากคอนเซอร์เวชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เขาก็กล่าวโจมตีผู้มีอำนาจของสหรัฐ แฮร์ริสันบอกว่า ภัยคุกคามไม่ใช่มลพิษ ไม่ใช่น้ำท่วม หรือไฟ แต่เพราะผู้มีหน้าที่ดูแลเรื่องสำคัญๆ ซึ่งไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ และเรื่องโลกร้อน
“ธรรมชาติไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์ แต่มนุษย์จำเป็นต้องมีธรรมชาติ ความเป็นอยู่ของพวกเราขึ้นอยู่กับทุกสายพันธุ์บนโลกนี้” คำพูดของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด บอกถึงความเชื่อและเหตุผลเบื้องหลังของการกระทำทั้งหมดของเขา
“ถ้าหากเราไม่สามารถปกป้องธรรมชาติไว้ได้ เราก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เช่นกัน … หากเราไม่เปลี่ยนวิถีทางของเราในวันนี้ อนาคตของมนุษยชาติอยู่ในความเสี่ยง”
แฮร์ริสัน ฟอร์ด เรียกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่าเป็น “อสุรกาย” ซึ่งทุกคนควรจะร่วมกัน “ปิดโทรศัพท์ ม้วนแขนเสื้อ และเตะตูดของอสุรกายตนนี้ออกไปซะ”


