โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน
ขณะที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็น "ที่สุด" ในฐานะประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการแพทย์ จาก Official Publication of Medical Tourism Association
ขณะที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็น "ที่สุด" ในฐานะประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการแพทย์ จาก Official Publication of Medical Tourism Association ซึ่งยิ่งทำให้มองเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนในฐานะ "เมดิคัลฮับ (Medical Hub)" หรือ "ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ" ด้วยการเกื้อหนุนจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากโภชนาการที่ไม่ถูกสุขลักษณะอย่างโรคไตเรื้อรัง ซึ่งกรมการแพทย์พบว่าปัจจุบันมีถึง 8 ล้านคนทั่วประเทศ อันเป็นผลส่วนหนึ่งมาจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนตามความเจริญก้าวหน้าเทคโนโลยี
ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลในระดับสากลจาก Joint Commission International หรือ JCI ถึง 64 แห่งจาก 1,046 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างตื่นตัวพัฒนาคุณภาพ ยกระดับการดำเนินการ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้รับการรักษาที่มีความชัดเจน มีมาตรฐาน รวมทั้งเตรียมพร้อมรองรับโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่เกิดจากการใช้ชีวิตในสภาพสังคมที่วิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์สังคมสูงวัยที่คาดว่าจะสูงถึงกว่า 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในอีก 3 ปีข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากจะกล่าวถึงโรงพยาบาลเอกชนของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI หนึ่งชื่อที่ทั้ง ชาวไทยและชาวต่างชาติจะนึกถึงก็คือ โรงพยาบาลพระรามเก้าที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านพระรามเก้า - รัชดาภิเษก นั่นเอง โดยโรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก JCI ในระดับโรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์ และเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีความชำนาญด้านการแพทย์เฉพาะทาง โดยเฉพาะโรคซับซ้อน อาทิ โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และการผ่าตัดแผลเล็ก ซึ่งโรงพยาบาลฯ ให้ความสำคัญในการคัดเลือกบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในหลากหลายสาขาวิชา เพื่อให้สามารถบำรุงรักษาสุขภาพให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การป้องกัน การตรวจวินิจฉัยเพื่อประเมินความเสี่ยง การดูแลรักษา การตรวจสอบติดตามผล การฟื้นฟูหลังการรักษา ตลอดจนการส่งเสริมสุขภาพ (Wellness) อื่นๆ อีกมากมาย
หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นของโรงพยาบาลพระรามเก้า คือ สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต ที่มีอัตราความสำเร็จในการเปลี่ยนไตที่สูงเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยในช่วงปี 2535-2560 มีผู้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตทั้งหมด 738 ราย หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 58 ของจำนวนผู้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตในโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการดังกล่าวทั้งหมดทั่วประเทศ จึงเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ทำการผ่าตัดเปลี่ยนไตมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
เมื่อเร็วๆ นี้ โรงพยาบาลพระรามเก้า ได้แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจใหม่และประกาศการปรับภาพลักษณ์องค์กร เพื่อก้าวสู่การเป็น Professional Healthcare Community หรือ ศูนย์รวมด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัยและได้รับความไว้วางใจมากที่สุด ทั้งนี้ สิ่งที่โรงพยาบาลพระรามเก้าทำเพื่อยกระดับคุณภาพ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านรูปลักษณ์ภายนอก การตกแต่ง การจัดสรรพื้นที่ หรือการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ที่ช่วยสร้างความบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ มีความชัดเจน และทันสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำกลยุทธ์สำคัญมาใช้เพื่อรองรับภาวการณ์รักษา ผู้เจ็บป่วยในปัจจุบัน ส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันและลดจำนวนผู้ป่วยเพื่อสร้างสังคมสุขภาพดีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยการร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตร 9 แห่ง ในจังหวัดสำคัญของประเทศไทย ได้แก่ นครสวรรค์ อุบลราชธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี จันทบุรี ตรัง และชุมพร เพื่อเป็นเครือข่ายสำหรับการส่งต่อผู้ป่วยโรคไตมาทำการรักษาและเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตที่โรงพยาบาลพระรามเก้า
นอกจากนี้ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ทางโรงพยาบาลฯ จึงสร้างอาคารแห่งใหม่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับอาคารปัจจุบัน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระบบคมนาคมขนส่งสำคัญหลายระบบ ทั้งถนนสายหลักที่สำคัญ ได้แก่ ถนนพระรามเก้า ถนนรัชดาภิเษก และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัชซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมหลักที่เชื่อมต่อกับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงพื้นที่การให้บริการของอาคารปัจจุบัน เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีความทันสมัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ อาคารใหม่ภายใต้แนวคิด Co-Healthy Space จะช่วยเพิ่มขอบเขตและรูปแบบการให้บริการของศูนย์การแพทย์ดังกล่าวให้รอบด้านมากขึ้น เช่น ศูนย์ทางเดินอาหารและตับพร้อมด้วยห้องส่องกล้องและส่วนเตรียมลำไส้ ศูนย์ตรวจสุขภาพ (Check-up Center) ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมความงาม ศูนย์สุขภาพเส้นผม ศูนย์รักษาอาการปวดและเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Pain and rehabilitation center) ศูนย์เมตาโบลิก (Metabolic syndrome care center) และศูนย์ภูมิแพ้ (Allergy Center) เป็นต้น นับเป็นการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน จากการขยายขอบเขตทางบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลยังมีแผนที่จะสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม เช่น กลุ่มคนรักสุขภาพที่ยังไม่มีอาการป่วยแต่ต้องการบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้น และ กลุ่มพนักงานออฟฟิศ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเดินหน้าสู่การเป็นโรงพยาบาลดิจิตอลด้วยการศึกษาและพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีด้านสุขภาพเพื่อประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยและติดตามการรักษาผู้ป่วยหรือที่เรียกว่า "ดิจิตอลเฮลท์" (Digital Health) และเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ มาอำนวยความสะดวกให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน เช่น การพัฒนาห้องระบบศูนย์บัญชาการควบคุม (Command Center) ควบคู่ไปกับพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันสำหรับผู้ป่วย (Praram 9 Patient Mobile Application) และการประยุกต์นำเอาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถใส่ติดตัว (Medical Wearable Device) มาเสริมการให้บริการเพื่อให้โรงพยาบาลฯ สามารถติดตามสถานการณ์ ดูแลป้องกัน และเตรียมพร้อมการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที โดยอาจรวมไปถึงการให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องสุขภาพและการรักษาเบื้องต้นให้กับผู้ป่วยที่อยู่ระยะไกล (Telemedicine) อีกด้วย
จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) โดยอัตราการเติบโตของรายได้จากกิจการโรงพยาบาล (CAGR) ร้อยละ11.1ต่อปี และอัตราการเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น (CAGR) ของกำไรสุทธิที่ร้อยละ 17.7
เมื่อย้อนกลับไปมองการดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลากว่า 26 ปี การพัฒนาบริการและนวัตกรรมด้านสุขภาพ ไปจนถึงการรักษาระดับมาตรฐานทางการแพทย์ที่พร้อมพรั่งด้วยทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์และการดูแลผู้ใช้บริการที่น่าประทับใจทั้งด้านคุณภาพและคุ้มค่าไม่เปลี่ยนแปลง นี่เองคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของโรงพยาบาลฯ เติบโตไปในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งเป็นบทพิสูจน์ว่าโรงพยาบาลพระรามเก้ามุ่งมั่นเพื่อเคียงข้างผู้ที่ไว้วางใจและเข้ามาใช้บริการ ให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า
นักลงทุนท่านใดสนใจหุ้น IPO ของโรงพยาบาลพระรามเก้า หรือ ‘PR9’ สามารถไปรับฟังการบรรยายสรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกได้ ในวันพุธที่ 3 ต.ค. นี้ เวลา 13.30-16.30 น. ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยสามารถเข้าไปสำรองที่นั่งได้ที่ https://goo.gl/forms/hsz9U8nzELBwdIOB2 หรือสแกน QRcode
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม http://investor.praram9.com/th หรือติดตามข่าวสารจากโรงพยาบาลได้ที่ Facebook: Praram 9 hospital


