posttoday

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

21 กันยายน 2561

ขณะที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็น "ที่สุด" ในฐานะประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการแพทย์  จาก Official Publication of Medical Tourism Association

 

ขณะที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็น "ที่สุด" ในฐานะประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการแพทย์  จาก Official Publication of Medical Tourism Association ซึ่งยิ่งทำให้มองเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนในฐานะ "เมดิคัลฮับ (Medical Hub)" หรือ "ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ" ด้วยการเกื้อหนุนจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากโภชนาการที่ไม่ถูกสุขลักษณะอย่างโรคไตเรื้อรัง ซึ่งกรมการแพทย์พบว่าปัจจุบันมีถึง 8 ล้านคนทั่วประเทศ อันเป็นผลส่วนหนึ่งมาจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนตามความเจริญก้าวหน้าเทคโนโลยี

ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลในระดับสากลจาก Joint Commission International หรือ JCI ถึง 64 แห่งจาก 1,046 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างตื่นตัวพัฒนาคุณภาพ ยกระดับการดำเนินการ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้รับการรักษาที่มีความชัดเจน มีมาตรฐาน รวมทั้งเตรียมพร้อมรองรับโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่เกิดจากการใช้ชีวิตในสภาพสังคมที่วิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว และสถานการณ์สังคมสูงวัยที่คาดว่าจะสูงถึงกว่า 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในอีก 3 ปีข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากจะกล่าวถึงโรงพยาบาลเอกชนของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI หนึ่งชื่อที่ทั้ง ชาวไทยและชาวต่างชาติจะนึกถึงก็คือ โรงพยาบาลพระรามเก้าที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านพระรามเก้า - รัชดาภิเษก นั่นเอง โดยโรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก JCI ในระดับโรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์ และเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีความชำนาญด้านการแพทย์เฉพาะทาง โดยเฉพาะโรคซับซ้อน อาทิ โรคไต โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และการผ่าตัดแผลเล็ก ซึ่งโรงพยาบาลฯ ให้ความสำคัญในการคัดเลือกบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในหลากหลายสาขาวิชา เพื่อให้สามารถบำรุงรักษาสุขภาพให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่ต้นจนจบ  ตั้งแต่การป้องกัน การตรวจวินิจฉัยเพื่อประเมินความเสี่ยง การดูแลรักษา การตรวจสอบติดตามผล การฟื้นฟูหลังการรักษา ตลอดจนการส่งเสริมสุขภาพ (Wellness) อื่นๆ อีกมากมาย

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

หนึ่งในความสำเร็จที่โดดเด่นของโรงพยาบาลพระรามเก้า คือ สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต ที่มีอัตราความสำเร็จในการเปลี่ยนไตที่สูงเทียบเท่ามาตรฐานสากล โดยในช่วงปี 2535-2560 มีผู้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตทั้งหมด 738 ราย หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 58 ของจำนวนผู้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตในโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการดังกล่าวทั้งหมดทั่วประเทศ จึงเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ทำการผ่าตัดเปลี่ยนไตมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

เมื่อเร็วๆ นี้ โรงพยาบาลพระรามเก้า ได้แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจใหม่และประกาศการปรับภาพลักษณ์องค์กร เพื่อก้าวสู่การเป็น Professional Healthcare Community หรือ ศูนย์รวมด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัยและได้รับความไว้วางใจมากที่สุด ทั้งนี้ สิ่งที่โรงพยาบาลพระรามเก้าทำเพื่อยกระดับคุณภาพ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านรูปลักษณ์ภายนอก การตกแต่ง การจัดสรรพื้นที่ หรือการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ที่ช่วยสร้างความบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ มีความชัดเจน และทันสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำกลยุทธ์สำคัญมาใช้เพื่อรองรับภาวการณ์รักษา ผู้เจ็บป่วยในปัจจุบัน ส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันและลดจำนวนผู้ป่วยเพื่อสร้างสังคมสุขภาพดีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย  ด้วยการร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตร 9 แห่ง ในจังหวัดสำคัญของประเทศไทย ได้แก่ นครสวรรค์ อุบลราชธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี จันทบุรี ตรัง และชุมพร  เพื่อเป็นเครือข่ายสำหรับการส่งต่อผู้ป่วยโรคไตมาทำการรักษาและเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตที่โรงพยาบาลพระรามเก้า

นอกจากนี้ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ทางโรงพยาบาลฯ จึงสร้างอาคารแห่งใหม่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับอาคารปัจจุบัน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระบบคมนาคมขนส่งสำคัญหลายระบบ ทั้งถนนสายหลักที่สำคัญ ได้แก่ ถนนพระรามเก้า ถนนรัชดาภิเษก และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัชซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมหลักที่เชื่อมต่อกับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงพื้นที่การให้บริการของอาคารปัจจุบัน เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีความทันสมัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

ทั้งนี้ อาคารใหม่ภายใต้แนวคิด Co-Healthy Space จะช่วยเพิ่มขอบเขตและรูปแบบการให้บริการของศูนย์การแพทย์ดังกล่าวให้รอบด้านมากขึ้น เช่น ศูนย์ทางเดินอาหารและตับพร้อมด้วยห้องส่องกล้องและส่วนเตรียมลำไส้ ศูนย์ตรวจสุขภาพ (Check-up Center) ศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมความงาม ศูนย์สุขภาพเส้นผม ศูนย์รักษาอาการปวดและเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Pain and rehabilitation center) ศูนย์เมตาโบลิก (Metabolic syndrome care center) และศูนย์ภูมิแพ้ (Allergy Center) เป็นต้น นับเป็นการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน จากการขยายขอบเขตทางบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลยังมีแผนที่จะสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม เช่น กลุ่มคนรักสุขภาพที่ยังไม่มีอาการป่วยแต่ต้องการบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้น และ กลุ่มพนักงานออฟฟิศ เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังเดินหน้าสู่การเป็นโรงพยาบาลดิจิตอลด้วยการศึกษาและพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีด้านสุขภาพเพื่อประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยและติดตามการรักษาผู้ป่วยหรือที่เรียกว่า  "ดิจิตอลเฮลท์" (Digital Health) และเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ๆ มาอำนวยความสะดวกให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน เช่น การพัฒนาห้องระบบศูนย์บัญชาการควบคุม (Command Center) ควบคู่ไปกับพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันสำหรับผู้ป่วย (Praram 9 Patient Mobile Application) และการประยุกต์นำเอาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถใส่ติดตัว (Medical Wearable Device) มาเสริมการให้บริการเพื่อให้โรงพยาบาลฯ สามารถติดตามสถานการณ์ ดูแลป้องกัน และเตรียมพร้อมการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที โดยอาจรวมไปถึงการให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องสุขภาพและการรักษาเบื้องต้นให้กับผู้ป่วยที่อยู่ระยะไกล (Telemedicine) อีกด้วย

จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) โดยอัตราการเติบโตของรายได้จากกิจการโรงพยาบาล (CAGR) ร้อยละ11.1ต่อปี และอัตราการเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น (CAGR) ของกำไรสุทธิที่ร้อยละ 17.7

เมื่อย้อนกลับไปมองการดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลากว่า 26 ปี การพัฒนาบริการและนวัตกรรมด้านสุขภาพ ไปจนถึงการรักษาระดับมาตรฐานทางการแพทย์ที่พร้อมพรั่งด้วยทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์และการดูแลผู้ใช้บริการที่น่าประทับใจทั้งด้านคุณภาพและคุ้มค่าไม่เปลี่ยนแปลง นี่เองคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของโรงพยาบาลฯ เติบโตไปในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งเป็นบทพิสูจน์ว่าโรงพยาบาลพระรามเก้ามุ่งมั่นเพื่อเคียงข้างผู้ที่ไว้วางใจและเข้ามาใช้บริการ ให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า

นักลงทุนท่านใดสนใจหุ้น IPO ของโรงพยาบาลพระรามเก้า หรือ ‘PR9’ สามารถไปรับฟังการบรรยายสรุปข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกได้ ในวันพุธที่ 3 ต.ค. นี้ เวลา 13.30-16.30 น. ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยสามารถเข้าไปสำรองที่นั่งได้ที่ https://goo.gl/forms/hsz9U8nzELBwdIOB2 หรือสแกน QRcode

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม http://investor.praram9.com/th หรือติดตามข่าวสารจากโรงพยาบาลได้ที่ Facebook: Praram 9 hospital

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

โรงพยาบาลพระรามเก้าจากอดีตสู่อนาคต มุ่งเป็นมากกว่าโรงพยาบาลสำหรับผู้ใช้บริการยุคดิจิตอล พร้อมให้บริการด้านสุขภาพอย่างรอบด้าน

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"