คนแห่เผาสุนัขตาย ที่วัดคลองเตยในวันละ 10-20 ตัว
วัดคลองเตยใน กลายเป็นแบรนด์เนมในการให้บริการเผาสัตว์เลี้ยง
โดยสมาน สุดโต
วัดคลองเตยใน กลายเป็นแบรนด์เนมในการให้บริการเผาสัตว์เลี้ยง เพราะเป็นวัดแรกที่ริเริ่มให้มีบริการด้านนี้ เมื่อ 20 ปีเศษมาแล้ว จนกระทั่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นที่ให้บริการเผาสัตว์เลี้ยงนับแต่สุนัขทรงเลี้ยง ไปถึงสุนัข แมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ของประชาชนทั่วไป แม้ว่าจะมีหลายวัดทำตาม แต่ไม่ดัง
พระราชสิทธิสุนทร (สมพงษ์ กิตฺติสาโร) เจ้าอาวาสวัดคลองเตยในและเจ้าคณะเขตคลองเตย เล่าให้ฟังว่า เตาเผาสัตว์เลี้ยงมีจุดกำเนิด 20 ปีเศษมาแล้ว เมื่อชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง บ้านอยู่ย่านสุขุมวิท ต้องการนำกระดูกสุนัขที่ตนเลี้ยงและรัก ซึ่งตายลงกลับไปประเทศญี่ปุ่น จึงมาขอเผาสุนัขนั้นที่วัด
วันนั้นคนงานได้จัดที่เผาให้แบบธรรมดาๆ คือใช้แผ่นสังกะสีรองแล้วเผา เหมือนกองฟอนเผาศพในสมัยโบราณ ในระหว่างนั้นหลวงพ่อเดินไปพบเข้า ก็นึกในใจว่าจะต้องสร้างเตาเผาสัตว์เลี้ยงเพื่อสงเคราะห์ประชาชนคนรักสัตว์ทั้งหลาย นอกจากเมรุเผาศพประชาชนที่มีอยู่แล้ว
แรกทีเดียวหลวงพ่อให้สร้างเตาเผาตั้งติดกำแพงวัด ใกล้กับโรงเรียนวัดคลองเตยใน และกำแพงคลังน้ำมันเชลล์ เป็นเตาเผาธรรมดา ซึ่งมีผู้นำสัตว์เลี้ยงมาเผาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีจำนวนมากและถี่ขึ้น ก็เกรงใจครูและนักเรียนโรงเรียนวัดคลองเตยใน ที่ถูกกลิ่นรบกวน จึงดำริจัดสร้างเตาปลอดมลพิษ แบบที่ใช้กับเมรุเผาศพคนทั่วไป
หลวงพ่อเรียกผู้รับเหมามาเสนอราคา ตามแบบที่หลวงพ่อคิดไว้แล้ว ผู้รับเหมาดีดลูกคิดก็เสนอราคามา 5 แสนบาท ในการสร้างหนึ่งเตา เห็นตัวเลขขนาดนี้ หลวงพ่อตกใจไม่นึกว่าจะสูง เพราะเป็นเตาขนาดเล็ก จึงพูดเปรยๆ แบบต่อรองอย่างไม่ตั้งใจว่า น่าจะประมาณ 3 แสนบาท แต่ผู้รับเหมายินดีในราคาที่หลวงพ่อพูดแบบไม่ตั้งใจ จึงตกลงให้สร้าง เพื่อบริการและสงเคราะห์คนรักสัตว์ทั้งหลาย หลังจากนั้นผู้รับเหมาสารภาพว่าเป็นครั้งแรกที่สร้างเตาแบบนี้ แต่ก็ออกมาดี
เตาที่สร้างใหม่เป็นเตาไฟฟ้า ปลอดมลพิษ แบบเดียวที่ใช้กับคนทั่วไป แต่ขนาดเล็กกว่า ซึ่งมีแห่งเดียวในประเทศไทยเมื่อสร้างเสร็จเปิดให้บริการ สำนักข่าวต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์และวิทยุ โทรทัศน์ แห่กันมาทำข่าว เนื่องจากเป็นของแปลก เมื่อข่าวออกไปเป็นที่รู้จักของประชาชนคนรักสัตว์ ก็นำสัตว์เลี้ยงที่ตายมาเผามากขึ้น
สัตว์เลี้ยงที่นำมาเผาไม่ใช่แต่สุนัขหรือแมวเท่านั้น ยังมีสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ที่เขารักแต่ตายลงก็เอามาเผา เช่น ปลาคาร์ฟ เป็นต้น มีครั้งหนึ่งมาติดต่อขอเอาม้ามาเผา แต่ทางวัดรับไม่ได้เพราะใหญ่เกินไป ในที่สุดเตาเดียวไม่เพียงพอ ต้องทำเพิ่มอีก 2 เตา ในมาตรฐานเดียวกัน คือ ปลอดมลพิษ ปัจจุบันจึงมี 3 เตา ตั้งเรียงติดกัน
หลวงพ่อเจ้าอาวาสเล่าด้วยอารมณ์ดีว่า แต่ละวันมีผู้รักสัตว์นำสัตว์เลี้ยงที่ตายมาเผาเฉลี่ยวันละ 10-20 ตัว แต่ละตัวใช้เวลาเผา 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์เลี้ยงนั้นๆ เมื่อเผาแล้วต้องการกระดูกกลับบ้าน ก็มีที่ให้นั่งคอย หรือจะลอยอังคารก็ได้ มีเรือเอกชนรับบริการอยู่ท่าน้ำหลังวัด โดยเจ้าของเรือคิดเที่ยวละ 300 บาท
สิ่งอำนวยความสะดวก หรือสนองความต้องการคนรักสัตว์ ที่วัดจัดไว้ ได้แก่โลงใส่สัตว์เลี้ยงขนาดต่างๆ ประดับตกแต่ง ทาสีสวยงาม หรือถ้าไม่ใส่โลงก็มีเบาะรองรับในขณะทำพิธีก่อนเผา
เจ้าของสัตว์เลี้ยงพอใจ
พิธีก่อนเผา ได้แก่ พิธีสงฆ์ หรือพิธีทางศาสนาที่อนุญาตให้ทำต่อสัตว์เลี้ยง คือ นิมนต์พระสงฆ์บังสุกุล หรือรับสังฆทาน เป็นการทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่สัตว์เลี้ยงที่เรารัก แต่ห้ามจัดพิธีเทียบเท่ามนุษย์ เช่น ไม่ให้จัดพิธีที่ศาลาบำเพ็ญกุศล หรือศาลาตั้งศพทั่วไป ห้ามนิมนต์พระสวดมาติกา หรืออภิธรรม ซึ่งก็ได้รับความพอใจจากผู้รักสัตว์ทั้งหลายตลอดมา
ส่วนความพอใจของเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เอามาเผาที่วัด หลวงพ่อเล่าว่า บางรายเห็นพิธีและการจัดการของวัดแล้วกราบแล้วกราบอีก เพราะพิธีและการเผาที่วัดจัดให้ถูกใจ ด้วยว่าเขาเป็นคนรักสุนัขมาก และมีสุนัขหลายตัว เมื่อสุนัขที่รักตายเคยเอาไปเผาที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม พบว่าทางวัดจัดแบบลวกๆ ไม่ถูกใจ เพราะครั้งหนึ่งส่งสุนัขที่ตายเข้าเตาเผาแล้วกลับบ้าน แต่กังวลว่าเขาจัดการอย่างไร จึงกลับไปดู พบว่าเขาเผาให้แค่ครึ่งตัวเท่านั้น แต่เมื่อนำมาเผาที่วัดคลองเตยใน พบว่าจัดการให้อย่างดี จึงพอใจยิ่ง
สุภาพสตรีสูงวัยคนหนึ่ง จากสมุทรสงคราม รักสุนัขมาก ขนาดที่สุนัขป่วยยังไปนอนเป็นเพื่อน เมื่อถึงวันเกิดสุนัขจัดเค้กชิ้นโตฉลองวันเกิดให้สุนัข ทั้งๆ ที่วันเกิดของตนเองไม่เคยหาเค้กมาตัดฉลองเลย วันหนึ่งสุนัขตัวนั้นตายก็เอามาเผาที่วัด จัดพิธีที่ทางวัดอนุญาตครบทุกอย่าง และพอใจมาก
เมื่อเวลา 18.00 น.เศษ วันที่ 10 ก.ค. 2561 ผู้เขียนเดินไปถ่ายภาพเตาเผาสัตว์เลี้ยง พบว่าเจ้าของสุนัขรายหนึ่งนำสุนัขที่เลี้ยงแล้วตายมาขอให้พระจัดพิธีก่อนเผา จึงขออนุญาตถ่ายภาพ สอบถามว่าสุนัขที่นำมาเผาเป็นสุนัขตัวเมียที่เลี้ยงไว้ เมื่อตายก็เอามาเผา เหมือนกับตัวอื่นๆ ก่อนหน้านั้น แต่ก่อนจะรู้ว่าที่วัดนี้มีเตาเผา ได้นำสุนัขที่ตายเอาไปฝัง
รายได้เป็นค่าอาหารเลี้ยงเณร
หลวงพ่อสมพงษ์เล่าให้ฟังว่า รายได้จากการเผาสัตว์เลี้ยง ช่วยให้วัดจัดอาหารเลี้ยงพระเณรแต่ละเดือนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ที่วัดไม่มีรายได้อื่นๆ เช่น ตึกให้เช่า หรือบริการที่จอดรถ เป็นต้น แต่วัดเป็นสำนักเรียนบาลี มีสามเณร มาบวชเรียนประมาณ 30 รูป แต่ละรูปให้อยู่เพื่อเรียนโดยไม่ต้องออกบิณฑบาต เพราะเกรงจะเป็นอันตราย เนื่องจากเป็นเด็กจากบ้านนอกทั้งสิ้น
ดังนั้น ทุกเช้าจึงจ้างแม่ครัวมาจัดอาหารเลี้ยง ตอนเพลก็นำอาหารที่พระบิณฑบาตมาอุ่นให้สามเณรฉัน เดือนหนึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1 แสนบาท
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เจ้าของสัตว์เลี้ยง ต้องจ่ายคือค่าไฟฟ้าบวกค่าบำรุงเตา 1,500 บาท/ตัว แต่ถ้าสุนัขมีน้ำหนัก 20 กิโลกรัมขึ้นไป ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 2,000 บาท ส่วนบริการอื่นแล้วแต่เจ้าภาพจะเรียกใช้ เช่น จะใช้โลงก็มีให้ ราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาด
การเผาสัตว์เลี้ยงที่ตายนั้น ทางวัดเปิดบริการทุกวัน โดยไม่มีวันหยุด และไม่กำหนดเวลา สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 09-0805-7119 (พระหนู)


