เรื่องเล่าของซาไก (1)
การได้ไปร่วมงานศพครูบุญปลูก โชคพิชิต ที่ จ.ตรัง ทำให้ผมได้มาพบเพื่อนเก่าที่เคยเรียนกันมาตั้งแต่ครูบุญปลูกเป็นครูประจำชั้น
โดย ถาวร หลีกภัย
การได้ไปร่วมงานศพครูบุญปลูก โชคพิชิต ที่ จ.ตรัง ทำให้ผมได้มาพบเพื่อนเก่าที่เคยเรียนกันมาตั้งแต่ครูบุญปลูกเป็นครูประจำชั้น คือ คุณสมนึก พงษ์พิเชฐ เราได้คุยกันจนเวลาไม่พอ ต้องนัดคุยกันต่อที่ร้านกาแฟในวันต่อมา
คุณสมนึกนอกจากจะเรียนมัธยมที่โรงเรียนวิเชียรมาตุ รุ่นเดียวกันแล้ว เราก็ยังได้มาเรียนต่อเป็นศิษย์เก่าเตรียมอุดมในรุ่น 20 ด้วยกันอีก คุณสมนึกโชคดีกว่าผมที่ได้ทุนเรียนดีแต่ยากจนจากกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ชั้นมัธยมจนเริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย คุณสมนึกได้ย้อนอดีต เมื่อครั้งเรียนมัธยมว่า บ้านเดิมของคุณสมนึก ซึ่งอยู่ที่บ้านหยงสตาร์ ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน แม่ของคุณสมนึกได้เคยรับเงาะป่าซาไกคนหนึ่งมาเลี้ยงในบ้าน ชื่อสุก ซาไกจะมีความสามารถขึ้นต้นไม้ได้เก่ง มีผิวกายสีดำ ผมหยิกเป็นก้นหอยติดศีรษะ สุกจึงดูแปลกกว่าชาวบ้านทั่วไป ครั้งหนึ่งเคยมีคนพาเข้าในกรุงเทพฯ เพื่อออกงานที่เขาดินวนาด้วย สุกได้เสียชีวิตลงเพราะเป็นโรคบาดทะยักจากตาปูตำ
และเป็นเรื่องบังเอิญที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้แวะมาที่บ้าน 183 ถนนวิเศษกุล ที่ผมพักอยู่ ผู้ใหญ่ได้ชวนผมไปเยี่ยมซาไก เมื่อเห็นผมลังเลว่าสมควรจะไปดีไหม ผู้ใหญ่ได้บอกผมว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะไปรบกวนซาไก เพราะผู้พาไปรู้จักและคุ้นเคยกับซาไกเป็นอย่างดี
24 ม.ค. 2561 ผู้ใหญ่คมกฤษ คงเกลี้ยง คุณเกรียงไกร บวชชุม รองนายก อบต.ปะเหลียน และประชวร ชัยณรงค์ คนที่ซาไกคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ได้พาผมขึ้นเขาที่ค่อนข้างมีความลาดชันสูง เพื่อไปเยี่ยมซาไก
ซาไก หรือมันนิ หรือเงาะป่า ที่อาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่ อ.ปะเหลียน มีหลายกลุ่ม แต่ซาไกที่พวกเราจะขึ้นไปหาอยู่ในพื้นที่ ต.ปะเหลียน ถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มคลองตง หมู่ 2
ซาไกเป็นมนุษย์โบราณ ชาติพันธุ์นิกรอยด์ อยู่กระจายเป็นกลุ่มเล็กๆ มีชีวิตแบบอิสรเสรี ยังชีพด้วยการหาอาหารในป่า และอพยพย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งจากการบุกรุกที่ป่าของชาวบ้าน เช่น การปลูกยางพารา แม้แต่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ทำให้ซาไกมีพื้นที่หากินจำกัดลง ต้องปรับตัวเอง ซาไกจะนำของในป่า เช่น น้ำผึ้ง สมุนไพร มาแลกข้าว แลกเกลือกับชาวบ้านพื้นราบ มาวันนี้ผมได้เห็นซาไกขี่มอเตอร์ไซค์ บางคนกรีดยาง และตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งแบบชาวบ้านทั่วไป
เป็นที่ทราบกันว่า ในอดีตซาไกจะปลูกที่พักในป่าทำจากไม้และมุงด้วยใบไม้แบบง่ายๆ อยู่ชั่วคราว เป็นแบบเพิงเล็กๆ เรียกว่า ทับ เวลานอนจะให้ศีรษะอยู่นอกทับ และเก็บเท้าไว้ข้างในทับ ถ้ามีสัตว์ร้าย เช่น เสือมากัดศีรษะก็ยอมตายไปเลย ดีกว่าให้เสือกัดเท้าและพิการ ออกหาอาหารไม่ได้ ก็ต้องตายอยู่ดี
ซาไกที่ปลายคลองที่เราขึ้นไปเยี่ยม มีประมาณ 30 คน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีประมาณ 5 หลัง อยู่ในสวนยางพาราโดยบริเวณรอบๆ บ้านมีมะพร้าวอยู่หลายต้น ลูกดกทีเดียว ต้นยางที่นี่มีทั้งยางพันธุ์ใหม่ที่ให้น้ำยางมาก กับยางพันธุ์เก่าที่ลำต้นใหญ่ โอบไม่รอบต้น ให้น้ำยางน้อย สำหรับต้นยางพันธุ์เก่าผมจะคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก บ้านซาไกหลังหนึ่งมียางที่รีดเป็นแผ่นแล้ว ตากแขวนอยู่กับราวไม้นับได้ไม่น้อยกว่า 30 แผ่น ขายเมื่อไหร่ก็ได้เงินสดทันที
มีบ้านไม้หลังหนึ่งมีเด็กหนุ่มนั่งคุยกันอยู่ เราได้แวะทักทายและถ่ายรูปด้วยกัน คนซ้ายสุดในภาพคือ ด.ช.นิคม ศรีปะเหลียน ซึ่งต่อมาเด็กหนุ่มคนนี้สามารถสอบได้เกรด 4 ทุกวิชาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนสันติราษฎร์ประชาบำรุง อ.ปะเหลียน จนเป็นข่าวดังที่โลกออนไลน์ชื่นชมเด็กหนุ่มคนนี้
ใกล้หมู่บ้านมีลำธารใสไหลผ่าน เป็นที่มาของคำว่า ปลายคลอง หรือต้นน้ำของคลองตง โอบรอบพื้นที่บ้านปลายคลองมีเขาหลายลูกสามารถมองเห็นได้ไม่ไกลตา ทำให้บรรยายกาศของสถานที่นี้เหมือนรีสอร์ทที่คนเมืองฝันถึง บ้านของซาไกดูมั่นคง สังเกตได้จากพื้นและฝาบ้านเป็นไม้หนาอย่างดี และมีบ้านหลังหนึ่งสร้างด้วยอิฐบล็อก และใช้เป็นร้านค้าด้วย มีข้อความเขียนไว้หน้าร้านเป็นภาษาไทยที่คำสะกดบางคำอาจจะผิด เช่น ทุกข์ ก็เขียนเป็น ทุก แต่อ่านแล้วก็เข้าใจความคิดของซาไกที่จะให้กินอยู่อย่างพอเพียง ผมจึงขอคัดมาให้อ่านกัน มีดังนี้
วันนี้ห้ามเซ็น เราอย่ามีความทุกต่อกันเลยคนขายก็ทุก คนเซ็นก็ทุก ความสุขไม่เกิดเพาะฉะนั้นคือความสุขให้กันและกันอย่าเซ็นเลยพี่น้องกินแค่พอมี อยู่แค่พอดี แล้วจะมีความสุขทุกคนขอบคุน


