พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ นักลงทุนอสังหาฯ มีประสบการณ์ที่น่าทึ่ง

โดย ราช รามัญ www.facebook.com/ RajRaman

ใครจะคาดคิดว่า แนวคิดของคนหนุ่มรุ่นใหม่...บางทีเรื่องละเอียดอ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน เช่น นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทำธุรกิจด้านนี้จริง ลงทุนจริง เจ็บจริง เวลาที่เกิดภาวะเศรษฐกิจเหวี่ยงวีน แต่เขามีเทคนิคที่สามารถทำให้ตัวเองรอดมาได้เสมอ

เขาผู้นั้นคือ พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท โตเกิน ขีด จำกัด แหม แค่ชื่อบริษัทก็ชวนให้ถามหาคนที่คิดและตั้งชื่อแล้วว่า คิดได้ไง…ไม่ธรรมดา

เราได้พูดคุยกับถึงเรื่องของอสังหาฯ พอหอมปากหอมคอ จึงทราบว่า คุณพิสิษฐ์ ลงทุนคอนโดเอาไว้มากมายหลายที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีอพาร์ตเมนต์อีก 4 อาคาร รวมหลายร้อยห้อง บ้านอีก 3 หลัง เรียกว่ารู้จริงทำจริงแบบไม่ธรรมดา และเป็นเจ้าของผลงานหนังสือ “ห้องปั๊มเงิน” ของสำนักพิมพ์ พี อาร์เอ แมส นอกจากนี้ยังรับหน้าที่เป็นโค้ชเพื่อสอนและแนะนำผู้คนที่สนใจกับการลงทุนด้านอสังหาฯ ร่วมกับบริษัท พีอาร์เอ ของคุณสุดา ประกฤติพงศ์ ด้วย

เรื่องราวของคุณพิสิษฐ์น่าสนใจอย่างมาก เพราะถือได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ใจในธรรมะตามคติความเชื่อของพระพุทธศาสนาแบบไทยๆ ด้วยการนั่งสมาธิทุกวัน และสวดมนต์เป็นประจำ และที่สำคัญเป็นคนยึดมั่นในศีล 5 ตลอด ศีลไม่เคยขาด ไม่เคยด่าง แม้แต่ข้อเดียว “การรักษาศีล ผมเชื่ออย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่มีเวร ไม่มีภัยจากสิ่งใดๆ เลย เพราะทุกข้อศีลถ้าเรามองอย่างละเอียดจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ศีลทุกข้อนั้นเป็นรากฐานที่มาของกฎหมายในประเทศไทย หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นกฎหมายของโลกก็ว่าได้

ผมรักษาศีลแต่ไม่ได้แบกศีลนะครับ หมายความว่าเที่ยวเอาศีลไปวัดกับคนนั้นคนนี้ ใครมีศีลมากกว่าใคร แบบนั้นไม่สมควร ใครจะมีไม่มี ไม่ใช่หน้าที่เราที่จะไปตัดสินเขา หรือไปตำหนิเขา ทุกอย่างมันอยู่ที่เราพอแล้วไม่ต้องไปดูที่คนอื่น...ก้มหน้าลงมาดูที่ตัวเรามีศีลหรือยังพอแล้ว ใหม่ๆ ยากครับ แต่ทว่าเมื่อรักษาบ่อยจนชำนาญก็กลายมาเป็นปกติเอง เป็นแบบธรรมชาติของตัวมันเองไปเลย ไม่ต้องไปคอยเคร่งครัด ไม่ต้องไปคอยทำอะไรมาก”

สวดมนต์บทไหนเป็นหลัก “ผมมีความเคารพและศรัทธาหลวงปู่โต หรือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี เป็นอย่างมาก จึงฝึกหัดสวดพระคาถาชินบัญชร เพราะบทนี้มีใจความที่ดีอย่างมาก ผมเคยประสบเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยโอเคกับชีวิต แต่เมื่อสวดแล้วมันทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น เหมือนมีที่ยึดเหนี่ยวมากขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง คือ ทำให้เราสบายอกสบายใจ สิ่งที่ผมสามารถยืนยันได้ชัดเจน คือ เมื่อสวดมากๆ เหมือนมีพลังในใจ เหมือนเรากำลังจะทะลุมิติได้ มันแปลก คือ นิ่งจนสงบ นิ่งจนจิตเป็นหนึ่ง เหมือนเราทำสมาธิไปในตัวขนาดที่เรากำลังท่องอยู่นั่นเอง”

เคยพบอะไรแปลกๆ ไหม? (หมายเหตุ บก.โปรดใช้วิจารณญาณอ่านคำตอบ ต่อไปนี้) “ผมเชื่อว่าคนที่ได้รับการฝึกจิต ฝึกการสวดมนต์ ย่อมจะต้องพบอะไรบางอย่างเหมือนกันทุกคน ซึ่งแต่ละคนอาจจะมีความแตกต่างกันออกไป...ผมเคยพบหลวงปู่โตนะ แต่เป็นการไปพบแบบทะลุมิติ ทุกอย่างบอกได้เลยว่าเหมือนจริงมาก เหมือนในละคร เหมือนในนิยาย เหมือนกับที่เราเคยได้ยินได้รู้มานั่นแหละ

ในวันที่ผมสวดมนต์และนั่งสมาธิแล้ว ก็พักผ่อนตามปกติ ขณะที่หลับไปนั้น กึ่งหลับกึ่งตื่น ที่เรียกว่าเคลิ้มๆ ก็ว่าได้  ได้กลิ่นหอมของดอกมะลิมาแต่ไกล มีสายลมพัดโบกเย็นๆ มาแต่ไกล ตลอดทั้งมีกลิ่นหมากพลูตามมา ผมชอบมากในกลิ่นนี้ มันเย็นเป็นปีติหล่อเลี้ยงใจชอบกล เลยลองเดินตามหากลิ่นนี้ เดินไปเหมือนเป็นสวนหมากก่อนตอนแรก แล้วก็มีเปลือกหมากร่วงหล่นเต็มพื้น เดินนุ่มเท้าดีนะ ไม่เจ็บเลย

จู่ๆ มาโผล่ที่ไหนไม่ทราบ…มันเหมือนทะลุมิติแบบออเจ้าไปเลยทีเดียว...ผมไปเจอกุฏิที่เป็นลักษณะแบบหลังเชิงเดี่ยว เป็นทรงไทยโบราณเก่าๆ เตี้ยๆ มีเสาสี่เสารองรับ เห็นพระภิกษุนั่งอยู่ข้างใน เลยวิสาสะเดินขึ้นไป แล้วก็ต้องตะลึง เพราะที่เห็นนั้น คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านกำลังนั่งเขียนกระดานชนวนอยู่ เขียนเป็นอักขระ ด้วยแท่งสีขาวๆ ไม่รู้อะไร คล้ายๆ ชอล์กที่ครูใช้เขียนกระดาน ผมก้มกราบท่าน ท่านหันมามอง…แล้วถามผมแบบไม่ได้อ้าปากถามนะครับ เห็นพระท่านว่าถามด้วยจิตครับ วิธีการพูดแบบนี้“มาถึงที่นี่ได้อย่างไร”

ตอนนั้นผมพูดไม่ออกเลยทีเดียว...มันแน่น ปีติ มันอิ่มอกอิ่มใจอย่างมาก ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นิ่งอยู่ตรงนั้น แล้วท่านก็ชี้ออกไปนอกกุฏิพร้อมกับพูดโดยไม่ต้องอ้าปากอีกครั้ง ในลักษณะประมาณว่าให้ผมรีบกลับไปเดี๋ยวจะกลับไม่ได้อะไรประมาณนั้น เพราะเดี๋ยวประตูแห่งกาลเวลามันจะปิดอะไรประมาณนั้น

ผมแค่คิดว่าท่านคงอยากให้กลับจริงๆ ก็คิดว่ากลับเลยก็ดี...พอแค่นึกเท่านั้น ก็มาถึงในภพปัจจุบันกับกาลเวลาปัจจุบันทันที...แปลกมากเป็นไปได้อย่างไร...แค่คิดแค่นึกเท่านั้น

เรื่องที่คุณพิสิษฐ์เล่ามานี้สำหรับคนสายวัดทั่วไป นิยมเรียกกันว่า “ประสบการณ์ทางจิต” อย่างน้อยเรื่องราวนี้นับว่าเป็นเพราะอานิสงส์ของการที่สวดมนต์ภาวนา และการรักษาศีล จึงทำให้เป็นคนที่จิตดี มองอะไรในมุมที่ดี และสามารถนำพาตนเองให้พบกับสิ่งที่ดีๆ ในชีวิตแห่งโลกปัจจุบันได้

นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลตัวอย่างที่มีประสบการณ์ทางจิตที่น่าสนใจเลยทีเดียว