จุฬามณี ชาติสุวรรณ เอกอัครราชทูต ยุค 4.0

โดย วารุณี อินวันนา

จากการที่รัฐบาลไทยมีนโยบายพัฒนาประเทศด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรม หรือ Thailand 4.0 ทำให้การทำงานของเอกอัครราชทูต ในฐานะตัวแทนของไทยที่ไปทำงานทั่วโลกต้องปรับตัวไปในแนวทางเดียวกัน

จุฬามณี ชาติสุวรรณ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคม นิยมประชาธิปไตยศรีลังกา กล่าวว่า จากนโยบาย 4.0 ที่เน้นเรื่องนวัตกรรม เทคโนโลยี นำมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของไทย เพื่อช่วยให้คนไทยและประเทศก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางให้ได้ เป็นงานที่สถานทูตต้องให้ความสำคัญมากขึ้น สมัยก่อนการนำมาตรฐานสากลมายกระดับคนไทยและประเทศไทย หรือนำสิ่งที่ดีจากประเทศไทยไปสู่ประเทศที่กำลังพัฒนา แต่วันนี้ต้องทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มากขึ้น เร่งทำให้มากขึ้น และให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น ต้องหาทางดึงนักธุรกิจ หรือสตาร์ทอัพ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาที่ไทยไม่มี เข้าไปสร้างประโยชน์สำหรับการพัฒนาของไทยให้ได้ และมองหาโอกาส ลู่ทาง เพื่อนำสิ่งดีในต่างประเทศมาให้ประเทศไทย นอกเหนือไปจากการนำนักธุรกิจมา เจอกัน หรือสนับสนุนให้เกิดการซื้อ-ขายระหว่างกัน

สิ่งหนึ่งที่กระทรวงการต่างประเทศผลักดันอยู่ คือ การนำ Best Practice การจัดการที่เป็นเลิศด้านอาชีวศึกษา จากเยอรมนี ที่นักศึกษาเรียนรู้จากอุตสาหกรรมจริง การปฏิบัติงานจริงในบริษัท จบมาก็สามารถทำงานได้จริง และสร้างความเจริญให้กับประเทศเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มาสร้างบุคลากรของไทยให้ตรงกับการพัฒนาของประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบาย 4.0

การทำงานของสถานทูตไม่ได้ทำงานลำพัง แต่ทำงานเป็นทีมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ในประเทศนั้น เรียกว่า ทีมประเทศไทย เช่น การจัดงาน Thailand Week ที่ศรีลังกา ครั้งที่ 2 การค้าขายเป็นเรื่องที่ทางพาณิชย์ต้องรับผิดชอบ จัดให้ภาคเอกชนมาพบกัน ก่อให้เกิดการค้าการลงทุนและการขาย ในส่วนของสถานทูต ได้เชิญกระทรวงวิทยาศาสตร์มาร่วมงาน เพื่อนำเสนอศักยภาพของประเทศไทยในการนำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นการสะท้อนความเป็น Thailand 4.0 ในขณะเดียวกัน สถานทูตก็ยังนำเสนอจุดแข็งของประเทศ คือประสบการณ์ที่ดีด้านศิลปวัฒนธรรม อาหาร เข้ามาร่วม ทำให้งานมีสีสัน เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้งานครบทุกรส ผู้ที่เข้าร่วมงานสัมผัสประเทศไทยได้ครบทุกด้านและมีความสุข

หลักการทำงานยึดมาตลอดว่า งานต้องได้ผล คนต้องมีความสุข ในการทำงานกับคนต้องยึดความถูกต้อง ทำงานอย่างมืออาชีพ คนถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดที่จะต้องดูแล และพยายามให้เขาสามารถนำศักยภาพที่มีอยู่ในตัวออกมาทำให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดด้วยตัวของเขาเอง

นอกจากนี้ บทบาทการให้ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเดิมสถานทูตและทูตมีความสำคัญมาก เพราะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้เหตุการณ์มากที่สุด แต่คนที่ประเทศไทยไม่ทราบ ทูตจะต้องลงไปดู ไปศึกษา แล้วจัดทำรายงานเบื้องต้น เพื่อส่งข้อมูลไปให้ประเทศไทย การที่โลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต สังคมออนไลน์ มีการกระจายข่าวสารไปทั่วโลกได้ในเวลาอันรวดเร็ว หากเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ใด คนไทยก็รับทราบอย่างรวดเร็วเท่ากับคนที่อยู่ในพื้นที่อย่างสถานทูต

การทำงานของสถานทูตจึงต้องปรับกระบวนการทำงานและวิธีคิด สิ่งที่ต้องทำคือต้องเพิ่มมูลค่าให้กับข้อมูลข่าวสาร จะไม่แข่งกับทีวี หรือออนไลน์ แต่ต้องทำงานได้ดีกว่า ด้วยการวิเคราะห์ลึกซึ้ง ต้องมีข่าวกรอง รับฟังข้อความรอบด้าน ทำให้ต้องเข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลายในสังคมที่อยู่ให้มากขึ้น

คนทำงานในสถานทูตก็มีการปรับตัวได้ จากเมื่อ 30 ปีก่อนที่เริ่มทำงานมีแฟกซ์อยู่เครื่องเดียว วันนี้ขณะนั่งทำงานหนึ่งก็สามารถสั่งงานอื่นผ่านสมาร์ทโฟนได้