เปิดวิธีดัน SME สตาร์ทอัพของเกาหลี
บงกชรัตน์ สร้อยทองตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือ SET พาไปเยี่ยมชมพัฒนาการตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (KRX) ถือเป็นตลาดที่พัฒนาในหลายด้าน พร้อมลงนามบันทึกความร่วมมือกันครั้งที่ 2 ระหว่าง SET กับ KRX เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี การจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนซึ่งจะช่วยขยายโอกาสการลงทุนให้ผู้ลงทุน จากครั้งแรกร่วมมือพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ทั้งตราสารทุนและอนุพันธ์
บงกชรัตน์ สร้อยทอง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือ SET พาไปเยี่ยมชมพัฒนาการตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (KRX) ถือเป็นตลาดที่พัฒนาในหลายด้าน พร้อมลงนามบันทึกความร่วมมือกันครั้งที่ 2 ระหว่าง SET กับ KRX เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี การจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนซึ่งจะช่วยขยายโอกาสการลงทุนให้ผู้ลงทุน จากครั้งแรกร่วมมือพัฒนาระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ทั้งตราสารทุนและอนุพันธ์
ปัจจุบัน KRX มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่าไทยกว่า 3 เท่า มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 2.4-2.5 แสนล้านบาท/วัน เทียบกับค่าเฉลี่ยของ SET ปัจจุบันที่ 7 หมื่นล้านบาท/วัน
สิ่งที่ "เกศรา มัญชุศรี" กรรมการ ผู้จัดการ ตลท. ให้มุมมองไว้คือ การผลักดัน และสนับสนุนบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพไว้อย่างชัดเจนจนเกิดเป็นระบบนิเวศที่ทำให้เกิดการช่วยเหลือและสานต่อ ให้กลุ่มธุรกิจเหล่านี้สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ (อีโคซิสเต็ม) โดยหลักสำคัญมาจากความชัดเจนและความต่อเนื่องของ "นโยบายจากภาครัฐ" แม้จะเห็นได้ว่าในหลายครั้งอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และสิ่งที่ทำให้เขาสามารถสานต่อได้ชัดเจนนั่นเพราะ "ทุกคนเคารพในกฎหมายและกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด"
"ประพันธ์ เจริญประวัติ" ผู้ช่วย ผู้จัดการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ให้ภาพรวมว่า KRX ประกอบไปด้วยตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการที่มีกระดานให้ซื้อขายหุ้นเปลี่ยนมือกันได้อยู่ 3 กระดานหลัก คือ "KOSPI" ที่มีความคล้าย SET ที่เป็น กระดานซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดใหญ่ "KOSDAQ" เป็น กระดานเอสเอ็มอีที่เน้นการเติบโตธุรกิจส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และมีความคล้ายกับ mai ของไทย ภายในหลัง KRX มีความเข้มงวดให้เกณฑ์มีความเข้มข้นมากขึ้น
ดังนั้น ภายในปี 2556 จึงสร้าง "KONEX" เพื่อผ่อนปรนกฎให้เอสเอ็มอี ลดเรื่องผู้ตรวจสอบบัญชีกับงบการเงินที่ไม่ต้องเป็นระบบอินเตอร์เนชั่นแนล รวมทั้งความเห็นของผู้สอบบัญชีแค่เห็นชอบในฐานะการเงินพอและส่งงบการเงินแค่ปีละครั้ง สิ่งที่ป้องกันนักลงทุนคือ มีการจำกัดประเภทของนักลงทุน ที่ต้องมีความรู้และมีฐานะทางการเงิน ภายใน 1 ปีจะมีการจำกัดวงเงินซื้อหุ้นได้ทั้งหมดไม่เกิน 9 แสนบาท และต้องไม่เกิน 3 แสนบาท/บริษัท อีกทั้งต้องเป็นบริษัทที่ต้องมีสปอนเซอร์ในการลงทุนเพราะทางการมองว่าเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความเสี่ยงในการลงทุนที่สูงอยู่ ที่ผ่านมามีบริษัทที่ย้ายจาก KONEX ไป KOSDAQ แล้ว 20 บริษัท
อีก 2 ประเภทคือ "KSM" (KRX StartUp Market) และ "คราวด์ฟันดิ้ง" ทั้งสองประเภทนี้เกิดขึ้นปี 2559 เป็นการระดมทุนนอกตลาด (OTC) และไม่ได้มีการซื้อขายบนกระดาน KSM คล้ายกับ แพลตฟอร์มไลฟ์ ของไทยที่กำลังจะเปิดตัวในปลายไตรมาสแรกนี้ KSM ให้บริษัทที่มีคราวด์ฟันดิ้งหรือบริษัทร่วมลงทุน (VC) เข้ามาลงทุน
ปี 2562 มองว่า จะมีสตาร์ทอัพ 5 แห่งที่ปัจจุบันเป็นที่รู้จัก มีฐานลูกค้า และมีรายได้แล้ว 5 บริษัทจะทยอยเข้ามา ระดมทุนและจดทะเบียนเข้า mai 5 แห่ง
"พงศ์ปิติ เอกเธียรชัย" ผู้อำนวยการงานส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนและวิสาหกิจเพื่อตลาดทุน ตลท. กล่าวว่า ไลฟ์จะให้บริการทั้งตลาดแรกที่ใช้บริการแบบคราวด์ฟันดิ้ง และตลาดรองใช้ในการเจรจาต่อรอง ที่เช่นเดียว KSM แต่อย่างทางการเกาหลีจะมีการสร้างสภาพแวดล้อม (ออฟฟิศสเปรด) สำหรับสตาร์ทอัพที่ต้องการพื้นที่ในการทำงานเพื่อให้เกิดการสร้างธุรกิจที่เติบโตได้ สิ่งที่สตาร์ทอัพไทยต้องการและทำอยู่คือต้องการเงินลงทุน ความเข้าใจเป็น ผู้ประกอบการเอง หรือการทำระบบบัญชี สำหรับผู้ลงทุนต้องวิเคราะห์ว่าธุรกิจนั้นๆ จะสามารถเติบไปได้หรือไม่ เพราะยังไม่ได้ประกาศเงื่อนไขของบริษัท


