พาร์กินสัน สังเกตอย่างไรวินิจฉัยได้เร็ว
ศ.นพ.รุ่งโรจน์ พิทยศิริศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ศ.นพ.รุ่งโรจน์ พิทยศิริศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสัน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ในบทความที่แล้ว ผมได้กล่าวถึงอาการสั่นของโรคพาร์กินสัน ที่มีลักษณะเฉพาะคืออาการสั่นที่เริ่มข้างใดข้างหนึ่งขณะมืออยู่เฉย อย่างไรก็ตาม อาการสั่นนั้นไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยพาร์กินสันทุกราย ผู้ป่วยพาร์กินสันแบบไม่สั่นก็มี ดังนั้นในการวินิจฉัยโรคพาร์กินสันของแพทย์นั้น จะไม่ได้อาศัยอาการสั่นในการวินิจฉัยแต่เพียงอย่างเดียว ผมอยากให้ข้อสังเกตในอีก 2 อาการสำคัญที่แพทย์ใช้ร่วมกับอาการสั่นในการวินิจฉัยซึ่งอาการเหล่านี้อาจสามารถสังเกตได้โดยคนทั่วไป แต่ต้องมีหลักในการสังเกต
อาการแรกคือ การเคลื่อนไหวที่ช้า หรือที่เราเรียกในทางการแพทย์ว่า Bradykinesia นั้น จะมีข้อสังเกตอย่างไร การเคลื่อนไหวช้าเป็นอาการที่อาจจะสังเกตได้ยาก เพราะส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากอายุในผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น แต่การสังเกตที่ทำได้ง่ายคือการดูการก้าวเท้า ถ้าผู้ป่วยท่านนั้นก้าวเท้าสั้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงบางครั้งหยุดอยู่กับที่ก่อนเริ่มเดินได้ใหม่ อาการนี้อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคพาร์กินสัน อีกอาการคือลำตัวที่โค้งงอ โน้มมาข้างหน้า ถ้าเกิดร่วมกับอาการก้าวเท้าสั้นๆ ก็จะทำให้ยิ่งสงสัยโรคพาร์กินสันมากขึ้น อาการที่กล่าวถึงนี้ถ้าพบหลายๆ อาการในผู้ป่วยคนคนเดียวก็ยิ่งทำให้โอกาสของการเกิดโรคพาร์กินสันในผู้ป่วยรายนั้นเพิ่มขึ้น
ในปัจจุบันผู้ป่วยที่มีอาการตามที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นก็จัดว่ามีอาการมากพอสมควร ต้องรีบรักษา ในผู้ป่วยระยะแรกอาการที่ผมพูดถึงข้างต้นนั้นอาจจะไม่ชัด สังเกตได้ยาก แพทย์เราจะมีข้อสังเกตอะไรเพิ่มเติมที่ทำให้สามารถวินิจฉัยโรคพาร์กินสันได้เร็วขึ้น คงไม่มีใครอยากรอให้คนที่เรารัก มีอาการสั่นมากและเดินลำบากกว่าจะวินิจฉัยได้ ด้วยความก้าวหน้าของการวิจัยของโรคพาร์กินสันในปัจจุบันทำให้เราได้ทราบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันโดยส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ทุกราย) มักจะมีอาการเตือนนำมาก่อนก่อนที่จะเริ่มมีอาการสั่นหรือเคลื่อนไหวช้า อาการเตือนที่แพทย์เราเรียกว่า Prodromal Symptoms นี้ในผู้ป่วยบางรายเกิดขึ้นมากกว่า 10 ปีก่อนที่จะเริ่มมีอาการสั่นได้อีก
ผมขอยกตัวอย่างอาการเตือนที่สำคัญ 3 อาการ ได้แก่ อาการนอนละเมอกลางดึกร่วมกับอาการฝันที่รุนแรง หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า REM Behavioural Disorder ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการละเมอไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือแสดงท่าทางออกมาในขณะนอนหลับกลางดึก คนที่มีอาการนี้อาจบ่งบอกว่ามีความเสื่อมของก้านสมองในส่วนที่ควบคุมการนอนหลับ อาการที่ 2 คือ การดมกลิ่นที่ลดลง (Hyposmia) โดยที่ผู้ป่วยโดยส่วนใหญ่อาจไม่ได้สังเกตว่าตนเองมีปัญหานี้ และอาการที่ 3 คือ อาการท้องผูกเรื้อรัง ก็เป็นอีกอาการที่ผู้ป่วยมีความรู้สึกว่าเบ่งถ่ายได้ยากมักเกิดขึ้นในช่วงหลายๆ ปีก่อนที่จะมีอาการพาร์กินสัน
ข้อควรระวังที่สำคัญก็คือว่า อาการเตือนเหล่านี้เป็นอาการที่ค่อนข้างพบได้ในคนทั่วไปเช่นกัน และอาจมีสาเหตุอื่นๆ ที่นอกเหนือจากโรคพาร์กินสันได้ เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายถึงว่า คนที่มีอาการเหล่านี้จะป่วยเป็นโรคพาร์กินสันเสมอไป อย่างไรก็ตาม ถ้าเราสงสัยผู้ใดว่าอาจเริ่มมีอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า แต่อาการเหล่านี้ยังไม่ชัดเจน เราอาจจะอยากถามเรื่องของอาการเตือนเหล่านี้ดู ถ้าท่านนั้นมีอาการเตือนร่วมด้วยก็อาจแนะนำให้ไปตรวจกับประสาทแพทย์เพื่อจะได้ทำการวินิจฉัยให้แน่นอนต่อไป ขอเน้น "การวินิจฉัยโรคพาร์กินสันเป็นหน้าที่ของแพทย์ ไม่ควรคิดเอาเอง และซื้อยาทานเอง" ที่ศูนย์พาร์กินสันจุฬาฯ มีนวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยในการวินิจฉัยอาการสั่นที่เป็นอุปกรณ์ตรวจวัดอาการสั่นที่ข้อมือที่มีความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคพาร์กินสัน ร่วมกับชุดตรวจการเคลื่อนไหวในการนอนที่สามารถช่วยวินิจฉัยกลุ่มอาการที่แพทย์สงสัยว่าอาจจะมีในเวลากลางคืน ท่านที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.chulapd.org, facebook : Parkinson Chula


