ระวังสร้างกรรมต่อเพื่อนร่วมงาน
การทำงานถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิต แต่ทั้งนี้การสร้างบาปกรรมในที่ทำงานก็สามารถเกิดขึ้นได้
โดย ทายาท ศรีปลั่ง
การทำงานถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิต แต่ทั้งนี้การสร้างบาปกรรมในที่ทำงานก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากเราไม่ระมัดระวังบาปกรรมจากการละเมิดศีล 5 นั้น ซึ่งจะสร้างความทุกข์ให้ผู้อื่นที่ถูกกระทำทันที แต่วิบากนั้นจะกลับคืนมาถึงตัวเราคือผู้กระทำบาปกรรมเช่นกันไม่ช้าก็เร็ว
ความหมายศีลข้อที่ 1 คือ ปาณาติปาตา แปลว่า การเว้นจากการทำลายชีวิต รวมไปถึงการฆ่า การทำร้ายร่างกายและการทรกรรม รวมถึงการสรรเสริญ เห็นดีเห็นงามกับการฆ่า เห็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกฆ่าก็พลอยยินดีด้วย ถือว่าเป็นการฆ่าทั้งหมด
คำว่า "ชีวิต" คือคนในที่ทำงาน ที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองและครอบครัว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หัวหน้า ลูกน้อง เจ้าของ ผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัททั้งหลาย ก็จะอยู่ในขอบข่ายของคนทำงาน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม จนถึงที่ยังอยู่ในครรภ์ จะใหญ่หรือเล็กก็ตาม ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตในที่นี้ทั้งหมด เพื่อให้เข้าใจถึงความหมายของ การฆ่า การทำร้าย การทรกรรม และการกลั่นแกล้งกันในที่ทำงาน
โดยหลักการพิจารณาการละเมิดศีลข้อ 1 มีอยู่ 2 ประเภท คือ จงใจคือคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เช่น ฆ่าคู่อริ เป็นต้น อีกประเภทคือไม่จงใจ คือไม่ได้คิดไว้ก่อนแต่บังเอิญเรื่องเกิดขึ้น เช่น ละเมิดศีลข้อ 1 เพราะเกิดบันดาลโทสะ เป็นต้น
ส่วนการทำร้ายร่างกาย คือการทำให้คนได้รับความเจ็บปวด ยังทุกข์ให้เกิดแก่ผู้ถูกทำร้าย ทรกรรม หมายถึง การประพฤติอย่างเหี้ยมโหดแก่คนในที่ทำงาน อย่างไม่มีปรานีให้ได้รับความทุกข์ยากลำบาก เช่น ใช้งานโดยไม่ให้พักผ่อนหรือกักขังจนได้รับความทุกข์ หรือนำเอาทรมาน
ตัวอย่างพฤติกรรมละเมิดศีล 5 ในพระไตรปิฎก สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าถึงกรรมเก่าของพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดศีลข้อที่ 1 โดยจะนำมากล่าวเป็นบางส่วน ดังนี้
o แกล้งโคไม่ให้ดื่มน้ำ ชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นคนเลี้ยงโค ต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคแวะดื่มน้ำข้างทาง เกรงจะชักช้าจึงไล่โคไม่ให้ดื่มน้ำด้วยการแกล้งเอาไม้กวนน้ำให้ขุ่น บาปกรรมในชาตินั้นส่งผล ให้พระองค์กระหายน้ำแล้วไม่ได้เสวยสมปรารถนาทันที เมื่อคราวใกล้จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
พระพุทธศาสนาได้วางหลักธรรมที่ถือว่าเป็นเครื่องระลึกกันไว้ 6 ประการดังต่อไปนี้
1.เมตตากายกรรม คือ ประกอบกายกรรมด้วยเมตตาต่อผู้อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง เสมือนการช่วยขวนขวายในกิจธุระของเพื่อนด้วยจิตเมตตา
2.เมตตาวจีกรรม คือ ประกอบวจีกรรมด้วยเมตตาต่อผู้อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ ช่วยขวนขวายในกิจธุระด้วยวาจา เช่น กล่าวสั่งสอน
3.เมตตามโนกรรม คือ ประกอบมโนกรรมด้วยเมตตาต่อผู้อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง คือ คิดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เพื่อนกัน
4.สาธารณโภคี แบ่งปันลาภที่ตนได้มาแล้วโดยชอบธรรมให้แก่เพื่อนผู้อื่น ไม่หวงไว้บริโภคจำเพราะผู้เดียว
5.ศีลสามัญญตา รักษาศีลบริสุทธิ์ เสมอกัน ไม่ทำตนให้เป็นที่รังเกียจของผู้อื่น
6.ทิฏฐิสามัญญตา มีความเห็นร่วมกันกับผู้อื่น ไม่วิวาทกับใครๆ เพราะมีความเห็นผิดกัน
เหตุจูงใจที่ทำให้เกิดการผิดศีลเกิดจากความอิจฉาริษยา ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี เอาแต่ประโยชน์ของตนเอง โดยวิธีป้องกันการผิดศีลในที่ทำงาน ได้แก่
หัวหน้าต้องมีความเมตตา กรุณา หัวหน้างานให้กำลังใจ เป็นเพราะความเห็นใจ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้พนักงานคนอื่น มีความยุติธรรม หัวหน้าต้องไม่เชื่ออะไรง่ายเกินไป การอบรมตั้งแต่เด็ก พ่อแม่จะต้องอบรมลูกให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานมีการเจริญสติอย่างสม่ำเสมอ
การละเมิดนอกจากจะทำให้ศีลขาดแล้วยังถือว่าเป็นบาปด้วย ดังนั้นทุกคนควรนำศีลข้อที่ 1 มาปรับใช้ในการทำงานโดยไม่คิดทำร้ายผู้อื่น เห็นชีวิตทุกคนมีค่าและเคารพคนทุกคน ไม่ควรเบียดเบียนกัน แต่จะต้องอยู่ร่วมกันด้วยไมตรีจิต สันติภาพที่มั่นคงก็จะเกิดขึ้น


