นมอัดเม็ดจิตรลดา

กุลฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา ([email protected]) Chief Marketing Officer บริษัท มาร์เก็ตติ้งไดอ็อกไซด์ จำกัด

"นมอัดเม็ดจิตรลดา" เป็นสินค้าติด 1 ใน 5 ที่ชาวจีนมากว้านซื้อจนเกลี้ยงตลาดอยู่เนืองๆ ต่างก็ติดใจในรสชาติและความเอร็ดอร่อยจนต้องเลียนแบบ โดยชาวจีนเรียกนมอัดเม็ดของในหลวงว่า "นมอัดเม็ดของพระราชวงศ์ไทย" ซึ่งพบว่ามีทั้งขายแบบหลายห่อและขายแยก ราคาก็เริ่มที่ 4 หยวน ซึ่งไม่เพียงความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น เรายังได้เรียนรู้พระอัจฉริยภาพในการแก้ไขปัญหาด้านการตลาดของ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" ที่ทรงช่วยเหลือเกษตรกรแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดในปี 2512 อันเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรชาวเกษตรกรของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้อีกวาระหนึ่ง

อดีตการแก้ป้ญหาเกษตรด้านพืชไร่ พืชสวน มีการส่งเสริมกิจการโคนมเป็นจำนวนมาก เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนผ่านก็เกิดภาวะน้ำนมล้นตลาดขึ้นมา จนสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมจาก ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือจาก "ในหลวงรัชกาลที่ 9" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการสร้างโรงนมผงขนาดย่อมขึ้น เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตนมผงจากน้ำนมโคที่รับซื้อจากเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนม โดยทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 1.4 แสนบาท เป็นทุนก่อสร้างเบื้องต้น และใช้รายได้จากการจำหน่ายนมสดในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ รวมเป็นมูลค่า 3.54 แสนบาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้ออกแบบโรงนมผง และกองเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ติดตั้งอุปกรณ์โรงงาน ถือได้ว่าเป็นโรงนมผงแห่งแรกของประเทศไทย โดยเริ่มก่อสร้างในเดือน ส.ค. 2512 และเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงนมผง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2512 พระราชทานชื่อว่า "โรงนมผงสวนดุสิต"

ต่อมาโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาได้ก่อสร้าง "โรงนมเม็ดสวนดุสิต" เริ่มทำการทดลองผลิตนมอัดเม็ดในปี 2527 โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก ม.ล.อัคนี นวรัตน ให้คำแนะนำวิธีการผลิตนมอัดเม็ด ตลอดจนจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมน้อมเกล้าฯ ถวายเครื่องผนึกซอง จนสามารถดำเนินการผลิตนมเม็ดขึ้นได้ กระทั่งปี 2528 ภก.มงคลศิลป์ บุญเย็น และ ผศ.ดร.ปราโมทย์ ธีรพงษ์ จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้คำแนะนำในการปรับปรุงคุณภาพนมอัดเม็ดให้เป็นที่ยอมรับ พร้อมมอบเครื่องตอกนมอัดเม็ดชนิกสากเดี่ยว 1 เครื่อง สำหรับใช้ในกิจการงานนมเม็ด

จากนั้นในปี 2529 ได้พัฒนากระบวนการผลิตและการอัดนมเม็ดโดยใช้เครื่องโรตารี่ที่ใช้ในการผลิตยาเม็ด พร้อมด้วยเครื่องบรรจุซองอัตโนมัติมาดำเนินการผลิตและปรับปรุงคุณภาพ จนผลิตภัณฑ์นมอัดเม็ดสวนดุสิตเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคไทยถึงทุกวันนี้ ทั้งยังมีชื่อเสียงดังไกลไปถึงต่างแดน

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง "โรงนมเม็ดสวนดุสิต" เพื่อเป็นโรงงานตัวอย่างให้ผู้สนใจได้มาศึกษาวิธีการผลิตนมเม็ด โดยมีค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ในการผลิตที่ไม่สูงเกินไป สามารถนำไปใช้เป็นแบบอย่างในกิจการที่สามารถดำเนินการเองได้ และสนับสนุนการผลิตนมผงภายในประเทศ โดยนำนมผงมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นมอัดเม็ด ส่งเสริมด้านโภชนาการให้แก่ประชาชนบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ราคาไม่แพง อนึ่งโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาดำเนินการแปรรูปวัตถุดิบทางการเกษตร และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาที่ไม่หวังผลกำไร ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร โดยปัจจุบันอัตราการผลิตนมอัดเม็ดสูงสุดของ "โรงนมเม็ดสวนดุสิต" มียอดการผลิต 5-5.7 หมื่นซอง/วัน ขนาดน้ำหนักสุทธิ 25 กรัม/ซอง และขนาดบรรจุกล่อง 20 ซอง และ 100 ซอง

จาก "โรงนมผงสวนดุสิต" จนมาถึง "โรงนมเม็ดสวนดุสิต" ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเมื่อตั้งใจ ทุ่มเทลงมือ "ศึกษา ค้นคว้า และทดลอง" ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด จนเกิดเป็นองค์ความรู้ทั้งจากการปฏิบัติด้วยตัวเอง และจากคำแนะนำที่นำมาปรับใช้ องค์ความรู้จะงอกเงยได้ก็ต่อเมื่อเราต้อง "ต่อ ยอด" ความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง "คุณค่าเพิ่ม" อันจะเป็นประโยชน์ให้กับทั้งการพัฒนาตัวเราเอง รวมถึงนำไปปรับใช้กับการเรียน การทำงาน การดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาองค์กร สินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลโรงนมเม็ดสวนดุสิตจาก : http://kanchanapisek.or.th/