posttoday

31 ต.ค. วันออมแห่งชาติ

25 ตุลาคม 2560

ชัตน์วรีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2541 กำหนดให้วันที่ 31 ต.ค.ของทุกปี เป็น "วันออมแห่งชาติ" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีนิสัยรักการออม รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการออม

ชัตน์วรี

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2541 กำหนดให้วันที่ 31 ต.ค.ของทุกปี เป็น "วันออมแห่งชาติ" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีนิสัยรักการออม รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการออม

ประโยชน์ต่อผู้ออม : การออมเป็นการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่ง เก็บสะสมไว้สำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต เพื่อไว้ใช้ในอนาคต ออมไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ การออมเพื่อการศึกษา การออมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่การออมไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉิน หรือเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น

ประโยชน์ต่อประเทศ : การออมเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก รวมทั้งการออมจะสร้างเสริมความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการออมในระดับสูงจะทำให้การลงทุนในระดับประเทศไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินทุนจากต่างประเทศ ซึ่งหากมีการพึ่งพิงเงินทุนจากต่างประเทศในระดับสูงและต่อเนื่อง หากต่างชาติดึงเงินกลับก็อาจจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยได้เหมือนช่วงเกิดวิกฤตปี 2540 ได้

ในสหรัฐอเมริกา กำหนดวันที่ 26 เม.ย.ของทุกปี เป็นวัน National Teach Children to Save Day หรือวันสอนเด็กๆ ให้รู้จักการออมเงินแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหน้าที่จากธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วประเทศจะเข้าไปสอนเด็กๆ ในโรงเรียน ให้มีทักษะในการจัดการการเงินส่วนบุคคล และปลูกฝังให้เด็กๆ เห็นความสำคัญของการออมเงินเพื่ออนาคตที่มั่นคง

สำรวจพฤติกรรมการออมของครัวเรือนไทย

จากข้อมูลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สำรวจการเข้าถึงบริการทางการเงินภาคครัวเรือนเป็นประจำทุก 3 ปี (ผลการรายงานล่าสุดปี 2559 )

ด้านพฤติกรรมการออมของครัวเรือนไทย พบว่า ครัวเรือน 65.4% มี การออมเงินซึ่งส่วนใหญ่ออมเงินไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินหรือเจ็บป่วย 37.5% ออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ 29.9% และใช้สำหรับบริหารรายรับ-รายจ่าย 12.8%

ทั้งนี้ ครัวเรือนส่วนใหญ่ออมเงินโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 46.4% แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากในรูปแบบของบัญชีเงินเดือนหรือบัญชีสำหรับใช้จ่าย 30.4% และบัญชีที่เปิดไว้เพื่อการออมร้อยละ 16.0% ตามด้วยถือเงินสด 35.4% และออมกับสหกรณ์หรือสถาบันการเงินชุมชน 12.3%

นอกจากนี้ หากพิจารณาการวางแผนทางการเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณของครัวเรือน พบว่า ครัวเรือน 44% มีการวางแผนและเริ่มออมเงินเพื่อยามชราหรือเกษียณอายุแล้ว อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวลดลงจากผลสำรวจปี 2556 ค่อนข้างมาก อยู่ที่ 59% สะท้อนให้เห็นว่าทุกภาคส่วนควรร่วมกันส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการออมเพื่อยามชราหรือเกษียณอายุมากขึ้น รวมถึงให้เริ่มวางแผนและออมเงินตั้งแต่ปัจจุบันเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินและมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น

สำหรับระดับการออมรวมของประเทศ (GDS) ในไตรมาสแรกของปี 2560 มีมูลค่าการออมรวมอยู่ที่ 1.23 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 1.167 ล้านล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราการขยายตัว 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 5.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยการออมรวมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสแรกของปี 2560 อยู่ที่ 32.5% ต่อ จีดีพี ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 31.5% ต่อจีดีพี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤตการเงินออม แต่อัตราการออมของประชาชนก็เริ่มลดลง เนื่องจากรายได้ลดรวมทั้งมีภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มีกำลังการออมที่ลดลง ในขณะเดียวกันควรจะปลูกฝังให้รู้จักการออมตั้งแต่เด็ก

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา