How to Study Public Life
“คุณต้องเขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในตัวออกมาเป็นหนังสือสักเล่ม ก่อนที่คุณ
โดย อาทิตย์ โกวิทวรางกูร เครือข่ายมักกะสัน [email protected]
“คุณต้องเขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในตัวออกมาเป็นหนังสือสักเล่ม ก่อนที่คุณจะตายไป”
สิบกว่าปีก่อน ญาน เกห์ล (Jan Gehl) ถูกคะยั้นคะยอแกมบังคับ
วันนั้น เขาอายุย่างเข้า 70 สั่งสมประสบการณ์มาเกือบ 40 ปี เป็นหนึ่งในสถาปนิกที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก ในเรื่องการพัฒนาเมือง โดยยึด “คน” เป็นศูนย์กลาง
แม้เขาจะตีพิมพ์บทความและรายงานการศึกษาหลายชิ้นตลอดเส้นทางอาชีพของเขา แต่ถ้านับหนังสือเล่ม เขามีผลงานออกมาน้อยมาก
เล่มแรก ซึ่งเป็นเล่มสำคัญระดับวางศิลาฤกษ์ให้กับเส้นทางอาชีพเขา คือ Life between building ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1971 เขาอายุ 35 เพิ่งเริ่มต้นอาชีพได้ไม่นานนัก ฉะนั้น จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเขียนทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกมาอีกครั้งในวัยที่ตกผลึก
นี่คือที่มาของหนังสือ Cities for People
เล่มนี้ถ้าพูดในภาษาของเขาต้องเรียกว่าเป็น “Mind Set” Bookหนังสือที่ให้ “ชุดความคิด”
คำขวัญประจำตัวของเขา คือ ถ้าจะเปลี่ยนเมือง ให้เริ่มจากเปลี่ยน Mind Set ของคน
ตรงนี้ขอเล่าไปถึงคนที่คะยั้นยอให้เขาเขียน เป็นองค์กรนามว่า Realdania
Realdania เป็นสมาคมเอกชน (Private Association) สัญชาติเดนมาร์ก ก่อตั้งขึ้นปี 2000 โดยรับสมาชิกเฉพาะผู้ประกอบการในวงการอสังหาริมทรัพย์ เน้นสนับสนุนโปรเจกต์สาธารณะ ทางด้านสถาปนิก และการวางแผนพัฒนาเมือง
องค์กรแห่งนี้ให้ทุนสนับสนุนงานของญาน เกห์ล แบบครบวงจร: ทั้งวิจัย ทั้งการผลิตหนังสือ รวมไปถึงการสร้างภาพยนตร์สารคดี Human Scale ที่นำเสนอแนวคิดและผลงานของเขา
หลังจากตีพิมพ์ Cities for People ไปในปี 2010 ก็มีความคิดต่อว่า น่าจะมีหนังสือที่ให้ “เครื่องมือ” ให้ “วิธีการ” อีกสักเล่มนะ
นั่นคือที่มาของหนังสือที่เราจะคุยกันในวันนี้
How to study public life
วิธีศึกษาชีวิต (ของผู้คนในพื้นที่) สาธารณะ
ถ้าเล่ม Cities for People ถือเป็นหนังสือที่ให้ชุดความคิด ... How to study public life ก็เป็นหนังสือที่ให้ชุด “เครื่องมือ” (Tool Book)
เนื้อหาในเล่มมี 7 บท ขอคัดสารบัญมาเพื่อให้เห็นภาพรวม
-1- Public Space, Public Life : an interaction ปูพื้นโดยเริ่มจากกรอบใหญ่ของวิธีคิด วิธีศึกษา โดยมองว่า ชีวิตของผู้คนในพื้นที่สาธารณะเป็นปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม ทั้งที่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างและกับตัวมนุษย์ด้วยกันเอง
-2- Who, What, Where? 5 คำถามหลัก เข็มทิศของการศึกษา : ใคร (Who?) กี่คน (How Many?) ทำอะไร (What?) ที่ไหน (Where?) นานแค่ไหน (How Long?)
-3- Counting, Mapping, Track ing and other tools อธิบาย เครื่องมือหลักในการศึกษา ได้แก่ การนับ การวาดผัง การเฝ้าติดตาม การหาร่องรอย การถ่ายภาพ การจดบันทึก และการทดสอบเดิน
-4- Public Life studies from a historical perspective ย้อนดูประวัติศาสตร์และพัฒนาการทางความคิดในการศึกษาเรื่องนี้
-5- How they did it : research notesตัวอย่าง กรณีศึกษาการใช้เครื่องมือกับสถานการณ์ต่างๆ และข้อค้นพบ
-6- Public Life studies in prac tice ตัวอย่างการนำเอาวิธีการนี้ไปศึกษาเมืองต่างๆ ทั่วโลก ทั้งแบบศึกษาทั้งพื้นที่ (Area Study) และแบบเฉพาะจุด (Acupuncture Study)
-7- Public life studies and urban policy
กรณีศึกษาของเมืองโคเปนเฮเกนที่ใช้เครื่องมือนี้อย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นส่วนสำคัญในการ “วัด” การเปลี่ยนแปลงของเมือง นำไปสู่การกำหนดนโยบายพัฒนาเมืองที่เหมาะสม
หัวใจของวิธีการศึกษาชีวิตสาธารณะถูกสรุปไว้ได้ดีมาก ตั้งแต่ย่อหน้าแรกของบทนำในเล่มนี้ ...
Public life studies are straight forward.
การศึกษาชีวิตสาธารณะนั้นตรงไปตรงมา
The basic idea is for observers to walk around while taking a good look.
Observation is the key,
“การสังเกต” คือ กุญแจ
and the means are simple and cheap.
เป็นวิธีการซึ่งเรียบง่ายและแสนประหยัด
ทว่า แค่สังเกตไม่พอ
ยังไม่เสร็จ ยังจบไม่ได้ ต้องหั่น ต้องยำ ต้องย่อย ข้อมูลที่ได้จากการสังเกต อย่างเป็น “ระบบ” ถึงจะได้ข้อค้นพบที่น่าสนใจ
แก่นเนื้อหาของเล่มนี้ คือ แนวคำถามหลัก (บทที่ 2) เครื่องมือ (บทที่ 3) และตัวอย่างการนำเครื่องมือไปใช้และผลที่ได้ (บทที่ 5)
ถ้าเรียนรู้เฉพาะ 3 บทนี้ จะพอได้ “แนวทาง-เครื่องมือ-และตัวอย่าง” ไปใช้งานต่อเองได้
ส่วนบทที่ 4 นั้น (หากอยู่ในวิทยานิพนธ์ คือ วรรณกรรมปริทัศน์ หรือ Literature Review) ให้ภาพรวมพัฒนาการทางการศึกษาและเครื่องมือ และสรุปความงานชิ้นสำคัญๆ ไว้ดีเกินคาด มีประโยชน์มากในแง่ให้คนที่สนใจไปสืบค้นต่อ
ในตอนหน้าขอเจาะลงไปในบางบทที่สำคัญ
เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ครับ


