คาตาโลเนีย
อรุณ จิรชวาลาคาตาโลเนียในภาษาอังกฤษ หรือกาตาลุญญาในภาษาสเปน เป็นแคว้นเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน อาณาเขตทางเหนือติดฝรั่งเศส ทางตะวันออกติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่เหลือติดส่วนอื่นๆ ของสเปน
อรุณ จิรชวาลา
คาตาโลเนียในภาษาอังกฤษ หรือกาตาลุญญาในภาษาสเปน เป็นแคว้นเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน อาณาเขตทางเหนือติดฝรั่งเศส ทางตะวันออกติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่เหลือติดส่วนอื่นๆ ของสเปน
คาตาโลเนียมีอาณาเขต 3.2 หมื่นตารางกิโลเมตร จากสเปนทั้งประเทศ 5 แสนตารางกิโลเมตร มีประชากร 7.5 ล้านคน จากทั้งหมด 46 ล้านคน รายได้เฉลี่ยต่อหัวประมาณ 3.3 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/ปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ประมาณ 2.7 หมื่นดอลลาร์/ปี จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ต่ำกว่าบริเวณกรุงมาดริดเล็กน้อย
เมืองหลวงของแคว้นนี้คือบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นทั้งเมืองท่าและเมืองอุตสาหกรรม มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากเมืองหลวงคือกรุงมาดริด ประชากร 2 ใน 3 ของแคว้น คือประมาณ 5 ล้านคน อยู่ในบริเวณโดยรอบของเมืองนี้
คาตาโลเนียเป็นแคว้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างสูงกับสเปน จีดีพีประมาณ 20% และส่งออกประมาณ 25% ของประเทศ รวมทั้งเสียภาษีให้ส่วนกลางประมาณ 21% ของรายได้จากภาษีทั้งหมด
ในช่วงเดือนเศษที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ออกมาจากแคว้นนี้อย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือการลงประชามติว่าจะขอแยกเป็นประเทศอิสระจากสเปนหรือไม่ ซึ่งสภาท้องถิ่นกำหนดไว้เป็นวันอาทิตย์ที่ 1 ต.ค. 2560 แต่การลงประชามติครั้งนี้ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลกลาง และศาลสเปนได้ตัดสินว่าขัดต่อกฎหมาย
รัฐบาลกลางส่งกองกำลังทหารและหน่วยปราบจลาจลเข้ามาขัดขวางการลงประชามติ และขู่จะประกาศใช้มาตรา 155 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งให้อำนาจรัฐบาลกลางยุติการทำหน้าที่ของรัฐบาลกับสภาท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว พร้อมกับส่งคนจากส่วนกลางมาทำหน้าที่แทน
แต่กระนั้นการจัดทำประชามติก็ยังเดินหน้าต่อไป โดยรัฐบาลท้องถิ่นประกาศผลในวันต่อมาว่ามีผู้มาใช้สิทธิประมาณ 2 ล้านคน หรือ 43% ในจำนวนนี้ 9 ใน 10 ลงมติเห็นด้วยกับการประกาศเอกราช นอกจากนี้ ยังบอกว่ามีผู้มีสิทธิออกเสียงอีกประมาณ 7 แสนคน ที่อยากลงคะแนน แต่ถูก ขัดขวาง
สัปดาห์ต่อมา ฝ่ายที่อยากให้คาตาโลเนียอยู่กับสเปนต่อไปก็จัดการชุมนุมใหญ่บ้าง คนหลายแสนคนออกมาเต็มท้องถนนในใจกลางเมืองบาร์เซโลนา รัฐบาลท้องถิ่นประเมินว่าจำนวนผู้ร่วมชุมนุมมีทั้งสิ้น 3.5 แสนคน แต่กลุ่มผู้จัดบอกว่ามี 9.3 แสนคน
ที่จริงเรื่องอิสรภาพของ คาตาโลเนียไม่ใช่เรื่องใหม่ ความเคลื่อนไหวอยากเป็นประเทศเอกราชมีมานานนับร้อยปีแล้ว แต่ในช่วงหลังเงียบหายไปบ้าง เพิ่งกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งเมื่อมีการทำประชามติในสกอตแลนด์ในปี 2557 ซึ่งครั้งนั้นรัฐบาลกลางของสหราชอาณาจักรให้ความเห็นชอบ แต่ฝ่ายต้องการเอกราชแพ้ประชามติ 55 ต่อ 45
หลายคนมองว่า สถานการณ์ในสเปนในขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤต ไม่ทราบว่าผู้นำท้องถิ่นจะเดินหน้าประกาศเอกราชโดยพลการหรือไม่ และหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น รัฐบาลกลางจะมีมาตรการตอบโต้รุนแรงแค่ไหน
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมมีข้อสังเกตที่อยากจะพูดถึง ดังนี้
1.ผมเชื่อว่าภายในคาตาโลเนียในขณะนี้ ฝ่ายที่อยากประกาศเอกราช น่าจะมีจำนวนมากกว่า แต่กระนั้น ฝ่ายที่อยากอยู่กับสเปนต่อไปก็มีพละกำลังไม่น้อยเช่นกัน ผลของประชามติที่บอกว่า 90% อยากเป็นเอกราชนั้น ผมคิดว่าเราไม่ควรให้ราคามากนัก เพราะนอกจากจะเป็นตัวเลขของฝ่ายรัฐบาลท้องถิ่นแล้ว ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเพียง 43% ก็ไม่ถือว่าสูง และเป็นไปได้ที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยจะประท้วงเงียบด้วยการไม่มาลงคะแนน
ต้องไม่ลืมว่า เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะเห็นประโยชน์ชัดเจน ซึ่งในกรณีนี้ประโยชน์ที่ได้อาจเป็นเพียงการประหยัดภาษี เพราะที่ผ่านมาจ่ายออกมากกว่ารับเข้า แต่อาจต้องแลกกับข้อเสียอย่างอื่น เช่น การเป็นประเทศเล็กอาจทำให้อำนาจต่อรองทางการค้าและการลงทุนลดลง นอกจากนี้ อย่างน้อยในปีแรกๆ คาตาโลเนียจะมีปัญหาการค้าจากการที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกและของประชาคมยุโรป
ผลเสียที่เกิดขึ้นแล้วอีกประการหนึ่ง คือความขัดแย้งทำให้เกิดความไม่แน่นอน จึงมีธุรกิจที่ทยอยย้ายสำนักงานออกจากคาตาโลเนียไปแคว้นอื่น หรือจากบาร์เซโลนาไปมาดริด โดยปีที่แล้วปีเดียวมีบริษัทที่ย้ายออกมากกว่าย้ายเข้าหลายร้อยราย และหากมีการประกาศเอกราช กระแสการไหลออกอาจจะยิ่งแรงขึ้น
2.โอกาสที่การประกาศเอกราชครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จมีไม่มากนัก เพราะนอกจากรัฐบาลกลางจะแสดงจุดยืนแข็งกร้าวไม่เห็นด้วยและศาลได้ตัดสินว่าผิดกฎหมายแล้ว กษัตริย์สเปนก็ทรงออกโรงด้วยพระองค์เองแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐบาล มิหนำซ้ำภายในคาตาโลเนียเองความเห็นก็แบ่งเป็นสองฝ่าย และที่มองข้ามไม่ได้เลย คือปฏิกิริยาจากต่างประเทศที่ไม่ให้การสนับสนุน รวมทั้งไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจเท่าที่ควร
กระแสที่มาจากทั่วโลกชี้ไปในทิศทางว่า กระบวนการประกาศเอกราชควรเป็นไปโดยสันติ ควรมีการเปิดเวทีพูดคุยกันอย่างเปิดอกเสียก่อน ทั้งสองฝ่ายควรมีโอกาสอย่างเต็มที่ในการชี้แจงเหตุและผลกับประชาชน ก่อนที่จะให้ประชาชนลงมติตัดสินอนาคตของตัวเอง กระบวนการอาจคล้ายกับในสกอตแลนด์ คือรัฐบาลกลางให้ความเห็นชอบ แต่ชาวสกอตเท่านั้นที่มีสิทธิออกเสียง และก่อนวันลงประชามติมีการรณรงค์อย่างเปิดเผยของทั้งสองฝ่าย
คงต้องยอมรับว่า ผลของการลงประชามติในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมายังไม่ได้ให้คำตอบที่สังคมโลกต้องการอย่างชัดเจน ผมจึงอยากจะเชื่อว่า หากจะให้การประกาศเอกราชมีความชอบธรรม จะต้องมีการจัดการลงประชามติใหม่อีกครั้ง และฝ่ายต้องการประกาศเอกราชเป็นฝ่ายได้ชัยชนะโดยปราศจากข้อกังขา
3.ทวีปยุโรปได้แตกออกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยจนเกือบจะเรียกได้ว่านับไม่ถ้วน ต่างจากทวีปอื่นๆ ซึ่งแทบจะไม่เกิดเรื่องราวในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประเพณีและกระบวนการในการแยกประเทศในยุโรปง่ายกว่าที่อื่น ที่เห็นได้ชัดคือการเคารพสิทธิของชนกลุ่มน้อยในการตัดสินอนาคตของตัวเอง กล่าวคือ ส่วนใหญ่ผู้มีสิทธิออกเสียงจะต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น ต่างจากในทวีปอื่นที่การจะประกาศเอกราชมักจะต้องได้รับความยินยอมจากคนทั้งประเทศ ทำให้โอกาสชนะประชามติมีน้อยมาก
อีกด้านหนึ่ง แม้ยุโรปจะแบ่งประเทศและแบ่งเขตการปกครอง แต่การไปมาหาสู่กันมักจะเป็นไปโดยสะดวก ไม่มีด่านกั้นชายแดน ไม่มีการตรวจหนังสือเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมเชื่อว่า การแบ่งเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยมีผลเสียมากกว่าผลดี กล่าวคือนอกจากจะทำให้อำนาจต่อรองโดยรวมลดลงแล้ว ยังทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในระดับการพัฒนาด้วย ที่สำคัญแทนที่ช่องว่างจะค่อยๆ แคบลง กลับยิ่งนับวันยิ่งห่างกันมากขึ้น n


