posttoday

สรท.ปรับเป้าส่งออกปีนี้ใหม่เป็น2.5-3.5%

03 พฤษภาคม 2560

สรท.ปรับประมาณการณ์เป้าส่งออกไทยปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2.5-3.5% หลังสัญญาณบวกยอดส่งออกไตรมาสแรกบวก 4.88%

สรท.ปรับประมาณการณ์เป้าส่งออกไทยปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2.5-3.5% หลังสัญญาณบวกยอดส่งออกไตรมาสแรกบวก 4.88%

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ยอดส่งออกสินค้าไทยในเดือนมี.ค.2560 อยู่ที่ 2.08 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.22% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่า 1.84 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นขยายตัวสูงสุดรอบ 5 ปี ส่งผลให้ยอดส่งออกไทยไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 5.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.88%

ทั้งนี้ จากสัญญาณบวกของราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้สินค้าเกษตรและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันมีแนวโน้มดีขึ้น ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศคู่ค้ามีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่า ยอดส่งออกในไตรมาส2 ก็ยังเป็นบวกอยู่และน่าจะสามารถขยายตัวอยู่ในระดับใกล้ๆ 5% ได้ และคาดว่าในช่วงไตรมาส3และ4 สถานการณ์น่าจะยังทรงตัวอยู่ แม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยงที่ยังวิตกอยู่ 

"จากสัญญาณบวกที่ออกมา ทำให้สรท.คาดว่าส่งออกของไทยในปีนี้ น่าจะมีมูลค่ารวมได้ประมาณ 2.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขยายตัวจากปีก่อน 3.4% จึงทำให้ สรท.ปรับประมาณการณ์เป้าส่งออกของไทยปีนี้ใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 2.5-3.5% จากเดิมคาดไว้ที่ 2-3%" น.ส.กัณญภัค กล่าว

สำหรับปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งปีหลังที่ผู้ส่งออกยังกังวลอยู่คือ ความเสี่ยงจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆ ความไม่ชัดเจนของนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐอเมริกาทั้งในเรื่องของดุลการค้า และมาตรการตอบโต้การทุ่มคลาด (เอดี) ที่จะมีผลต่อต้นทุนการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา และอาจขยายผลการตอบโต้ไปยังประเทศคู่ค้าอื่นๆ รวมไปถึงแนวโน้มการมีมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (เอ็นทีบี) เพิ่มมากขึ้น ทำให้การหาตลาดใหม่ๆ มาทดแทนทำได้ยาก ประกอบกับภาระหนี้สะสมทั่วโลกที่สูงถึง 325%ต่อจีดีพีโลก ที่อาจเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการบริโภคผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) มากขึ้น ทำให้รูปแบบการค้าในอนาคตเปลี่ยนไป และจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ผู้ส่งออกเห็นว่า ในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกของไทยอาจจะไม่สดใสเหมือนครึ่งปีแรก จึงควรเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือและบรรเทาความเสียหายให้กับผู้ประกอบการในแต่ละอุตสาหกรรม เร่งสร้างภาพลักษณ์สินค้าและประเทศให้ดีที่สุด เพื่อลดการถูกหนิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นข้ออ้างในการใช้มาตรการเอ็นทีบี เร่งพัฒนายุทธศาสตร์การค้าผ่านระบบอี-คิมเมิร์ซ ทั้งในและระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ต้องเร่งทำยุทํศาสตร์การเจรจาการค้าเสรีแบบทวิภาคีกับประเทศคู่ค้าหลีก รวมทั้งสหรัฐอเมริกา เพื่อเลี่ยงการถูกใช้มาตรการเอ็นทีบี และเดินกลยุทธ์สำหรับเจาะตลาดเฉพาะ (นีช มาร์เก็ต) โดยตรง และการวางโรดแมปการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อให้สอดคล้องกับองค์กรการค้าโลก (ดีบบลิวทีโอ) เพื่อลดความเสี่ยงและความกังวลในช่วงครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ดี การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา เชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยเข้าร่วมหานือด้วยนั้น น.ส.กัณญภัค มองว่า น่าจะแสดงให้เห็นถึงการยอมรับไทยของสหรัฐอเมริกาในระดับหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะในประเด็นการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย

ข่าวล่าสุด

เปิดภาพคุมตัว "น.ส.ลัก" สอบเข้ม ปมบังคับลูกสาววัย 12 ค้ากามญี่ปุ่น