SCAMPER โมเดลนวัตกรรม
โดย...กุลฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา
โดย...กุลฉัตร ฉัตรกุล ณ อยุธยา
SCAMPER มาจากอักษรนำหน้าภาษาอังกฤษ 7 คำ เป็นเทคนิคที่จะช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และเอาชนะความท้าทายต่างๆ คือ ระบบ Checklist (รายการตรวจสอบสิ่งที่จะต้องทำ) ที่ตั้งคำถามเชิงกระตุ้นให้เกิดความคิด เหมาะกับงานที่ต้องการความหลากหลายของความคิดและการทำกิจกรรม ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในเรื่องทั่วๆ ไป หรือเรื่องที่มีเป้าหมายชัดเจน คิดค้นโดย Bob Eberle ในช่วงต้นศตวรรษที่ 70 และยังคงเป็นเทคนิคที่นิยมใช้มาจนถึงปัจจุบัน
SCAMPER มีพื้นฐานของความคิดที่ว่า “สิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิม” ซึ่งอักษรย่อของ SCAMPER แต่ละตัวแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่แตกต่างกันที่จะทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ เริ่มจาก
S = Substitute (การทดแทน) บางส่วนของผลิตภัณฑ์/กระบวนการ เราหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้หรือไม่ อะไรที่จะนำมาทดแทนเพื่อทำให้ดีขึ้น ประหยัดขึ้น เช่น การนำสายไฟฟ้าทองแดงที่มีอยู่ในบ้านเรือนทั่วโลกมาทดแทนการผลิตสายเคเบิลในการนำสัญญาณอินเทอร์เน็ต
C = Combine (การผสมหรือผนวกรวม) เป็นการนำสิ่งสองสิ่งหรือมากกว่ามารวมกันเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ เช่น การสร้างรถไฮบริด (ไฟฟ้า+ปิโตรเลียม) เพื่อการประหยัดและลดมลภาวะ เมดิคอลสปา (การผนวกรวมแพทย์สมัยใหม่กับแพทย์แผนตะวันออก) เพื่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ การทำคอนเวอร์เจนซ์ ผนวกรวมเทคโนโลยีแบบไร้สาย อินเทอร์เน็ต เคเบิลทีวี เป็นต้น
A = Adapt (การปรับเปลี่ยนให้ก้าวหน้า/ดีขึ้น) เช่น การปรับเปลี่ยนแนวคิดของโรงพยาบาล (ที่ดูน่ากลัว) ให้มีการบริการ/ความสวยงามเหมือนโรงแรม ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของ Hospitel (Hospital + Hotel) เราจะเปลี่ยนส่วนใดของผลิตภัณฑ์ได้บ้าง เปลี่ยนไปเพื่ออะไร ถ้าเปลี่ยนแล้วบุคลิกของผลิตภัณฑ์จะเปลี่ยนไหม
M = Modify/Magnify/Minify (การดัดแปลงแก้ไข/การเปลี่ยนแปลงรูปแบบคุณสมบัติ/การขยายให้ใหญ่ขึ้น คุณภาพดีขึ้น/การทำให้เล็กลง/เบาลง/ช้าลง ความถี่ลดลง) จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราดัดแปลงกระบวนการบางอย่าง หรือจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเพิ่มส่วนประกอบให้มากขึ้น ใหญ่ขึ้น
P = Put to other purposes/uses (การนำไปใช้เพื่อประโยชน์หรือวัตถุประสงค์อื่น) เราจะใช้ผลิตภัณฑ์/กระบวนการที่เรามีอยู่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นอย่างไรหรือนำกลับมาใช้ (Reuse/Recycle) ได้อย่างไร หรือจะนำผลิตภัณฑ์ของเราไปขายในตลาดอื่นได้อย่างไร และมีตลาดอื่นไหมที่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เราอาจใช้ผลิตภัณฑ์นี้กับใคร หรือคนที่อื่นได้อีกไหม
E = Eliminate (การตัดทิ้ง/การขจัดออก) อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเราตัดบางส่วนของผลิตภัณฑ์ กระบวนการออกไป หรืออาจจะตัดส่วนนั้นทั้งหมดทิ้ง ถ้าเราเปรียบเทียบดูผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้าน ทำให้ดูง่ายๆ สวยงาม ไม่เทอะทะ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราตัดบางส่วนออก มีวิธีอื่นที่จะทำให้เราสัมฤทธิผลได้
โดยไม่ใช้วิธีการที่เราเคยทำไหม
R = Rearrange/Reverse (จัดระบบใหม่/เปลี่ยนทิศทางใหม่) เราจะทำอย่างไร ถ้าบางส่วนของผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการทำงานกลับทางหรือแตกต่างจากระบบเดิม หรือจะทำอย่างไรถ้าต้องเปลี่ยนระบบวิธีการทำงานใหม่ ถ้าเรากลับทิศทางการทำงานหรือลำดับการทำงานใหม่ จะทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้ามอย่างไร
นับว่าเป็นโมเดลที่ไม่ซับซ้อนและช่วยจุดประกายจากของเดิมที่มีอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์


