7 นวัตกรรมที่ช่วยชีวิตเด็กทารกในประเทศกำลังพัฒนา
เว็บไซต์ Mashable ได้เผยแพร่ 7 นวัตกรรม ที่มีส่วนช่วยติดตามสุขภาพของบรรดาทารกแรกเกิด และช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอด
เว็บไซต์ Mashable ได้เผยแพร่ 7 นวัตกรรม ที่มีส่วนช่วยติดตามสุขภาพของบรรดาทารกแรกเกิด และช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอด
เด็กทารกทุกคนควรสามารถเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์ เพื่อสุขภาพที่ดี แต่สำหรับในประเทศที่กำลังพัฒนาแล้ว การที่เด็กทารกเกิดใหม่คนหนึ่งจะเอาชีวิตรอดนั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
รายงานจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ทุกๆปีมีเด็กทารกราว 3 ล้านคน ที่เสียชีวิตในช่วงสัปดาห์แรกของการลืมตาดูโลก และในจำนวนนี้กว่า 99% เป็นเด็กทารกจากประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างในทวีปแอฟริกา หรือภูมิภาคเอเชียใต้
แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน เด็กๆจำนวน 3 ล้านคนที่ว่าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป นับเป็นความโชคดีของพวกเขา ที่นักประดิษฐ์ทั้งหลายใส่ใจถึงปัญหานี้ และได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขา
เว็บไซต์ Mashable ได้เผยแพร่ 7 นวัตกรรม ที่มีส่วนช่วยชีวิตของทารกน้อยทั้งหลาย ในช่วงแรกๆของการลืมตาดูโลก เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอด และเติบโต
1. หมวกทารกตรวจสอบสัญญาณชีพ
Neopenda คือหมวกที่ถูกออกแบบมาเพื่อสุขภาพที่ดีของทารก ให้พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ ตัวหมวกไม่ต่างจากหมวกปกติ แค่เพิ่มกล่องสี่เหลี่ยมด้านข้างซึ่งทำหน้าที่เป็นเซนเซอร์มาเท่านั้น ตัวเซนเซอร์จะคอบตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ, อัตรการหายใจ ไปจนถึงระดับของออกซิเจนในเลือด และอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งหากพบความผิดปกติเกิดขึ้น ตัวหมวกจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ผ่านแอพพลิเคชั่น
ปัจจุบันหมวก Neopenda นี้ถูกใช้ในโรงพยาบาลที่แออัดของอูกันดา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อาจให้ความดูแลทารกจำนวนมากได้อย่างทั่วถึง แต่แน่นอน Neopenda ทำได้
2. ถุงนอนแก้ปัญหาตัวเย็น
ภาวะตัวเย็น หรือ Hypothermia เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในทารก ในบางพื้นที่เช่นอินเดีย 43% ของทารกแรกเกิดเสียชีวิตจากภาวะที่อุณหภูมิของร่างกายลดต่ำลง แต่นวัตกรรมถุงนอนรูปแบบใหม่นี้สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้
Embrace Infant Warmer คือถุงนอนสำหรับทารกแบบเต็มตัวที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของทารก ผลงานเจ้าของรางวัลนวัตกรรมนี้เป็นผลิตภัณฑ์ต้นทุนต่ำ ที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า จึงทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับหลายครอบครัวยากจน เนื่องจากตัวอุปกรณ์มีราคาถูกกว่าตู้อบในโรงพยาบาลหลายเท่า ซึ่งความอบอุ่นจากถุงนอนนี้ได้มีส่วนช่วยชีวิตของทารกน้อยจำนวน 200,000 คนไปแล้ว ในพื้นที่ทางตอนใต้ของอินเดีย
3. จี้สร้อยคอดิจิตอลบันทึกประวัติทางการแพทย์
การบันทึกประวัติการรักษาทางการแพทย์เป็นสิ่งที่หาได้ยากในประเทศกำลังพัฒนา ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการรักษา เด็กทารก แต่ด้วย Khushi Baby นวัตกรรมราคาถูก ที่ไม่ต้องพึ่งแบตเตอรี่นี้ จะบันทึกประวัติการรักษาทางการแพทย์ของแม่ และเด็กไว้ ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ผ่านแอพพลิเคชั่นทุกเวลาที่ต้องการ
สนนราคาของจี้สร้อยคอนี้เพียง 1 ดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น ปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้ในภูมิภาคห่างไกลของอินเดีย และบันทึกประวัติการรักษาของเด็กทารกไปแล้วกว่า 4,000 คน
4. ปลอกสวมเท้าที่ช่วยบอกอาการป่วยของทารก
หลายโรงพยาบาลในประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญกับความแออัดจากเด็กทารก ซึ่งทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง แต่ด้วยปลอกสวมเท้าอันเล็กๆนี้จะช่วยแจ้งเตือนแก่เจ้าหน้าที่ หากทารกเหล่านั้นมีความเสี่ยง และต้องการความช่วยเหลือ
SPOtwo Bootie เป็นอุปกรณ์สวมใส่ต้นทุนต่ำ ที่จะช่วยวิเคราะห์สัญญาณชีพของเด็กทารกที่กำลังป่วย ข้อมูลที่ถูกวัดโดยเซนเซอร์จะถูกส่งไปยังแอพพลิเคชั่น ในสมาร์ทโฟน ซึ่งทั้งหมดนี้สนนราคาเพียง 8 ดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น โดยอุปกรณ์สามารถระบุภาะวออกซิเจนต่ำ ภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือการติดเชื้อในช่วงสัปดาห์แรกๆของทารก
5. อุปกรณ์วัดอุณหภูมิที่น่าเชื่อถือ
TempTraq เป็นอุปกรณ์วัดอุณหภูมิต่อเนื่องนาน 24 ชั่วโมง ข้อมูลจะถูกส่งให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ผ่านแอพพลิเคชั่น เพื่อแจ้งเตือนให้ทราบหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น อุปกรณ์มีราคาไม่แพง ไม่ต้องฆ่าเชื้อ และข้อมูลที่ได้รับนั้นมีความแม่นยำมากกว่าอุปกรณ์วัดอุณหภูมิแบบเดิมๆ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับทารกที่ป่วย และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการไข้ขี้นสูง
ปัจจุบันนวัตกรรมนี้ถูกนำมาใช้กับเด็กๆในอูกันดาก่อนหน้านี้อัตราเฉลี่ยที่พยาบาล 1 คนต้องดูและเด็กๆทารกมีมากถึง 40 คน นั่นทำให้ใน 1 วัน เด็กๆอาจได้รับการดูแลเพียง 2 ครั้งเท่านั้น แต่อุปกรณ์ดังกล่าวจะสร้างความมั่นใจได้ว่า สุขภาพของเด็กๆจะถูกติดตามข้อมูลอยู่ตลอดเวลา
6. อุปกรณ์ช่วยเด็กๆจากโรคไข้มาลาเรีย
เด็กๆมากกว่า 500,000 คน ในประเทศกำลังพัฒนาเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียทุกๆปี โดยเฉพาะเด็กทารกที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อุปกรณ์ดังกล่าวมีชื่อว่า TermoTell สามารถช่วยวินิจฉัยอาการของโรคไข้มาลาเรียได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยให้ทารกสามารถรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ตัวอุปกรณ์เป็นสร้อยข้อมือ ต้นทุนต่ำ ที่จะคอยตรวจสอบอุณหภูมิ และปริมาณของเหงื่อที่ออกมาจากราางกาย ออกแบบมาสำหรับเด็กๆที่อายุต่ำกว่า 5 ปีโดยเฉพาะ ด้วยสีสันสดใส ผิวสัมผัสอ่อนนุ่ม ซึ่งเด็กๆสามารถเคี้ยวได้โดยไม่เป็นอันตราย
ปัจจุบัน TermoTell ถูกใช้ในไนจีเรีย ประเทศที่มีความเสี่ยงเกิดโรคไข้มาลาเรียสูง เฉลี่ยทุกๆปีมีชาวไนจีเรียเสียชีวิตจากโรคนี้ถึง 3 แสนคน
7. ถุงเท้าอ่านสัญญาณชีพ
Owlet เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ช่วยอ่านสัญญาณชีพของทารก นอกจากนั้นยังช่วยให้เท้าอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ด้วยเทคโนโลยีเดียวกับ Apple Watch อุปกรณ์จะคอยติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ และอัตราการหายใจ ด้วยการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ หากทารกจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ


