posttoday

ประเด็นกฎหมายฟินเทค กับการกู้ยืมเงินแนวใหม่แบบ P2P (จบ)

16 มีนาคม 2559

ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงต่างๆ เพื่อให้กฎเกณฑ์สามารถจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงต่างๆ เพื่อให้กฎเกณฑ์สามารถจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

2.1) ความเสี่ยงด้านเครดิตของแพลตฟอร์มและของผู้กู้ - หลายประเทศกำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมาขออนุญาตหรือจดทะเบียนเพื่อที่จะได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ โดยแพลตฟอร์มต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น ทุนจดทะเบียน สถานะทางการเงิน ฯลฯ บางประเทศกำหนดให้ต้องมีการคุ้มครองเงินของลูกค้า โดยให้แยกบัญชีเงินของผู้ลงทุนออกจากบัญชีของแพลตฟอร์ม เพื่อให้เงินของลูกค้าได้รับการคุ้มครองในกรณีที่แพลตฟอร์มล้ม และกำหนดให้แพลตฟอร์มดำรงเงินกองทุนตามสัดส่วนมูลค่าเงินกู้ (Capital Requirement) ด้วย นอกจากนี้บางประเทศ เช่น อังกฤษ กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมีแผนสำรองในกรณีที่แพลตฟอร์มล้มเลิกหรือล้มละลายไป ต้องมีผู้อื่นเข้ามาบริหารจัดการเรียกรับชำระเงินกู้คืนต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบกับเงินลงทุนของนักลงทุน ความเสี่ยงด้านเครดิตของแพลตฟอร์มนี้แตกต่างจากความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้กู้เองที่อาจลดได้ด้วยการกำหนดวงเงินกู้สูงสุดที่ผู้กู้แต่ละรายสามารถกู้ได้ นอกจากนี้แพลตฟอร์มบางรายมีการจัดให้มีกองทุนคุ้มครองความสูญเสีย เช่น Provision Fund ของ RateSetter หรือ Safeguard Fund ของ Zopa เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงของผู้ลงทุนในกรณีผู้กู้ไม่จ่ายเงิน ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์ม

2.2) ความเสี่ยงด้านความเข้าใจของนักลงทุน - หลายประเทศกำหนดให้แพลตฟอร์มต้องเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอย่างชัดเจน ทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวแพลตฟอร์ม และข้อมูลเกี่ยวกับสัญญากู้เงินที่ผู้ลงทุนจะลงทุน (เช่น คะแนนเครดิตที่แพลตฟอร์มทำขึ้นมา วัตถุประสงค์ในการกู้ ข้อสัญญาสำคัญ เช่น ดอกเบี้ย ระยะเวลากู้ จำนวนเงิน) ผู้เขียนเห็นว่าอาจพิจารณากำหนดข้อมูลขั้นต่ำที่ต้องเปิดเผย และอาจกำหนดรูปแบบมาตรฐานในการเปิดเผย เพื่อความครบถ้วนชัดเจนและง่ายต่อการเปรียบเทียบของผู้ลงทุน ในทางปฏิบัติแพลตฟอร์มหลายรายก็เลือกที่จะเปิดเผยข้อมูลอื่นๆ เองเพื่อความโปร่งใส เช่น สถิติมูลค่าการปล่อยกู้ สถิติผลตอบแทนการลงทุน ฯลฯ

นอกจากนี้ควรพิจารณาว่าควรกำหนดให้ต้องมีคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุน (Risk Statement) เพียงใด เช่น เงินลงทุนนี้ไม่ใช่เงินฝากที่จะได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก ฯลฯ ในส่วนของการคุ้มครองผู้ลงทุนบางประเภท กฎหมายบางประเทศ เช่น กฎหมายของบางมลรัฐในอเมริกามีการกำหนดประเภทนักลงทุนที่สามารถลงทุนใน P2P Lending สำหรับกฎหมายไทยจึงอาจพิจารณากำหนดประเภทนักลงทุนและจำนวนเงินลงทุนขั้นสูงสุดของนักลงทุนบางประเภทด้วย อีกทั้งให้มีการทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนของผู้ลงทุน ซึ่งกฎเกณฑ์เรื่อง Equity Crowdfunding ของ กลต. ก็มีการนำหลักการใกล้เคียงกันนี้มาใช้เช่นกัน

2.3) ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการของแพลตฟอร์ม - แพลตฟอร์มต้องมีระบบงานที่มีความพร้อมในการให้บริการ นอกจากนี้เนื่องจากแพลตฟอร์มต้องดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลที่เป็นความลับของทั้งผู้กู้และนักลงทุน จึงต้องมีกระบวนการคุ้มครองข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลเครดิตอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแพลตฟอร์มจะมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้กู้ ข้อมูลเครดิต และอาจมีการประมวลผลข้อมูลเครดิตด้วยตนเองเพื่อกำหนด Credit Score และดอกเบี้ยที่เหมาะสม จึงต้องมีการพิจารณาว่าการกระทำของแพลตฟอร์มเกี่ยวกับข้อมูลเครดิตเป็นแบบใดในรูปแบบธุรกิจต่างๆ เช่น แพลตฟอร์มได้รับข้อมูลเครดิตมาจากผู้กู้โดยตรง แพลตฟอร์มจะเข้าไปเป็นสมาชิกเครดิตบูโร หรือการประมวลข้อมูลเครดิตของแพลตฟอร์มเองจะเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ข้อมูลเครดิตในลักษณะใด ในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวผู้กู้และนักลงทุน ก็ต้องได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกับมาตรฐานกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จะประกาศใช้ในอนาคต หรืออาจกำหนดให้มีมาตรฐานสูงกว่าในบางเรื่อง รวมถึงแนวทางในการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญ
นอกจากนี้เนื่องจาก P2P Lending นั้นดำเนินการผ่านระบบออนไลน์แพลตฟอร์มเกือบทั้งหมด จึงอาจต้องมีการกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยทางระบบสารสนเทศ เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้ระบบออนไลน์ เช่น Hacking การโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล (Identity Theft) ฯลฯ เพื่อบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และเพื่อรองรับให้ธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นทางออนไลน์ เช่น สัญญาระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสัญญากู้เงินระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ หรือสัญญาบริการระหว่างแพลตฟอร์มกับผู้ใช้แพลตฟอร์ม (ผู้กู้และผู้ให้กู้) สามารถผูกพันบุคคลเหล่านั้นได้ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

2.4) ความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย - การฉ้อโกงอาจเกิดจากตัวแพลตฟอร์มเอง เช่น กรณีของ Ezubao ซึ่งการกำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมาขออนุญาตหรือจดทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐ และมีคุณสมบัติขั้นต่ำจะช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องนี้ นอกจากนี้อาจมีกรณีที่ผู้กู้ฉ้อโกงโดยตั้งใจไม่คืนเงินที่กู้ยืมไป หรือกรณีที่แพลตฟอร์มถูกใช้เพื่อการฟอกเงินหรือสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย จึงอาจต้องพิจารณากฎเกณฑ์ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มตรวจสอบความมีตัวตนและความน่าเชื่อถือของผู้กู้ วัตถุประสงค์ในการกู้ และตรวจสอบตัวตนนักลงทุนในระดับหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ กำหนดให้แพลตฟอร์มต้องมีหน้าที่ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ในขณะที่บางประเทศไม่ได้กำหนดไว้ แต่ผู้ประกอบธุรกิจหลายรายก็มีนโยบายภายในเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง

2.5) ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง - การลงทุนโดยการให้กู้ผ่าน P2P Lending อาจไม่มีสภาพคล่องเหมือนกับการลงทุนประเภทอื่นๆ เช่น หุ้น หรือ กองทุนรวมที่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ผู้เขียนเห็นว่าอาจมีการพิจารณากำหนดระยะเวลาของสัญญากู้ที่สามารถทำผ่าน P2P Lending ได้ และควรกำหนดให้ต้องมีคำเตือนให้นักลงทุนทราบว่าเงินลงทุนนี้อาจไม่มีสภาพคล่องและไม่มีตลาดรองให้ขายต่อ

2.6) ความเป็นธรรมในการประกอบธุรกิจด้านอื่นๆ - ควรมีการพิจารณาถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่สามารถเรียกเก็บได้ในการให้กู้ผ่าน P2P Lending โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ประกอบ เช่น ความเสี่ยงของกลุ่มผู้กู้ และอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ให้บริการด้านสินเชื่อประเภทอื่นๆ สามารถเรียกเก็บได้ นอกจากนี้ควรมีการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการคุ้มครองประชาชนโดยทั่วไป เช่น การโฆษณา การเปิดเผยข้อมูล ข้อกำหนดที่ควรมีในสัญญา การติดตามทวงถามหนี้ การกำหนดให้แพลตฟอร์มต้องให้ผู้กู้หรือนักลงทุนยกเลิกการกู้หรือการลงทุนได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 14 วันทำการ (คล้ายกับหลักการเรื่อง Cooling off Period ของประเทศอังกฤษ และกฎเกณฑ์เรื่อง Equity Crowdfunding ของ กลต.)

เมื่อพิจารณาถึงธุรกิจ P2P Lending ในด้านต่างๆ ตามข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่าสมควรมีการออกกฎเกณฑ์มากำกับดูแลธุรกิจนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องมีความสมดุลเพียงพอที่จะรองรับการเติบโตของการประกอบธุรกิจนี้ได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถจำกัดความเสี่ยงของธุรกิจนี้ที่มีต่อเสถียรภาพตลาดการเงิน และคุ้มครองผู้ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะมีการพิจารณาถึงหลักการเหล่านี้อย่างรอบคอบ ผู้ประกอบธุรกิจ P2P Lending ซึ่งอาจเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ หรือผู้อยู่ในธุรกิจการให้สินเชื่ออยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งธนาคารก็ควรที่จะต้องเตรียมพร้อมรูปแบบธุรกิจที่จะเป็นไปตามความต้องการของตลาดและในขณะเดียวกันก็ถูกต้องตามกฎหมายด้วย และหวังว่าธุรกิจ P2P Lending จะมีส่วนช่วยส่งเสริมธุรกิจ SMEs และผู้ที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน อีกทั้งช่วยเพิ่มช่องทางการลงทุนที่หลากหลายในประเทศไทยต่อไป

ข่าวล่าสุด

Gemini ใน Google สู่การแปล 20 ภาษาผ่านหูฟังแบบเรียลไทม์