posttoday

ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

14 มกราคม 2559

จากกรณีข่าวรถยนต์กระบะสีดำเฉี่ยวชนกับรถยนต์ยารีสสีแดง เกิดปากเสียง เป็นเหตุให้คู่กรณีรถกระบะโมโหถอยรถยนต์มาชนรถยนต์ยารีสสีแดง มีวินรถจักรยานยนต์เห็นเหตุการณ์ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นนำไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนจำนวนมากในโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับการกระทำของเจ้าของรถกระบะ สุดท้ายพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง แจ้งข้อหาเจ้าของรถยนต์กระบะฐานทำให้เสียทรัพย์ ทนายคลายทุกข์ขออธิบายเกี่ยวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ว่า ผู้กระทำความผิดต้องมีเจตนาทำให้ทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยได้รับความเสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ หากเป็นการกระทำโดยประมาท เช่น ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตาม ป.อ.มาตรา 358 และขอนำแนววินิจฉัยของศาลฎีกาเกี่ยวกับคดีทำให้เสียทรัพย์มาให้ศึกษา ดังนี้

จากกรณีข่าวรถยนต์กระบะสีดำเฉี่ยวชนกับรถยนต์ยารีสสีแดง เกิดปากเสียง เป็นเหตุให้คู่กรณีรถกระบะโมโหถอยรถยนต์มาชนรถยนต์ยารีสสีแดง มีวินรถจักรยานยนต์เห็นเหตุการณ์ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นนำไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนจำนวนมากในโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับการกระทำของเจ้าของรถกระบะ สุดท้ายพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง แจ้งข้อหาเจ้าของรถยนต์กระบะฐานทำให้เสียทรัพย์ ทนายคลายทุกข์ขออธิบายเกี่ยวกับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ว่า ผู้กระทำความผิดต้องมีเจตนาทำให้ทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยได้รับความเสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ หากเป็นการกระทำโดยประมาท เช่น ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตาม ป.อ.มาตรา 358 และขอนำแนววินิจฉัยของศาลฎีกาเกี่ยวกับคดีทำให้เสียทรัพย์มาให้ศึกษา ดังนี้

ตัวอย่างคดีทำให้เสียทรัพย์

1.ล้มป้ายประกาศของผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5164/2542

การที่จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะบรรทุกคนนั่งมาประมาณ 20 คน ออกจากวัดถ้ำสิงโตทองมาจอดรอที่หน้าป้ายเชิญชวนของวัดรางม่วงแล้วจำเลยที่ 1 นั่งรถยนต์กระบะอีกคันหนึ่งตามหลังมาโดยขับรถอ้อมมาจอดฝั่งตรงข้าม เมื่อจำเลยที่ 1 ยกมือเป็นสัญญาณ คนบนรถยนต์กระบะของจำเลยที่ 2 ก็ลงจากรถเข้าไปล้มป้ายของวัดรางม่วงและกระทืบจนหลอดไฟแตกแล้วยกป้ายขึ้น รถยนต์กระบะของจำเลยที่ 2 ขับรถเข้าไปวัดถ้ำสิงโตทองนั้น แสดงว่าเจตนาจำเลยทั้งสองแต่แรกต้องการทำลายให้แผ่นป้ายนั้นไร้ประโยชน์อันสืบเนื่องมาจากความไม่พอใจวัดรางม่วงที่โฆษณาชักชวนให้ชาวบ้านไปเที่ยวงานที่วัดรางม่วง เนื่องจากไฟฟ้าวัดถ้ำสิงโตทองดับถึง 2 ครั้ง การเอาไปซึ่งแผ่นป้ายดังกล่าวกระทำต่อเนื่องกับการทำลายแผ่นป้ายนั้นในวาระเดียวเกี่ยวพันกันโดยไม่ขาดตอน จึงมิใช่เป็นการกระทำโดยมุ่งจะแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโดยแท้จริง จำเลยทั้งสองมิได้มีเจตนาจะเอาแผ่นป้ายดังกล่าวเป็นของตน หากแต่เป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่หรือทำไปด้วยความคึกคะนองของพวกจำเลย มิใช่เกิดจากเจตนาทุจริตไม่ผิดฐานลักทรัพย์

2.การปลดผ้าป้ายโฆษณาออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2502

จำเลยเป็นนายอำเภอ สั่งให้คนปลดเชือกผูกป้ายผ้าโฆษณาหาเสียงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งแขวนไว้ที่ทางเดินขึ้นจากท่าเรือจ้างหน้าที่ว่าการอำเภอ ให้พ้นการกีดขวางทางเดิน ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ดูแลรักษาท่าเรือจ้างนั้น ต่อมาผ้าป้ายนั้นได้หายไป โดยไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยโดยตรง จำเลยมิได้มีเจตนาจะทำให้เสียทรัพย์ จำเลยยังไม่มีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วย

3.ใช้ค้อนทุบกระจกเพื่อระบายความแค้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1948/ 2542

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามลักทรัพย์ แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยไม่มีเจตนาลักทรัพย์ แต่จำเลยใช้ค้อนทุบกระจกด้านข้างตู้เอทีเอ็มของธนาคารผู้เสียหายแตกเสียหาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และการที่จำเลยนำสืบรับข้อเท็จจริงตามที่โจทก์กล่าวบรรยายในฟ้องว่าจำเลยได้ใช้ค้อนทุบกระจกผู้เสียหายแตกได้รับความเสียหายจริง แต่กระทำเพื่อระบายความเครียด เช่นนี้จำเลยจึงมิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม

4.ตัดกิ่งไม้ที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของตนเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/ 2500

ในทางแพ่ง ถ้าจำเลยได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อนและให้เวลาพอสมควรแล้ว จำเลยก็อาจตัดกิ่งไม้ของโจทก์ที่ยื่นล้ำที่ของจำเลยเข้าไปนั้นได้

ส่วนในทางอาญา ต้องพิจารณาเจตนาของจำเลยเป็นเรื่องๆ ไป ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฏเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาทำผิดทางอาญา แม้จำเลยไม่ได้บอกกล่าวโจทก์เสียก่อน จำเลยก็ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นรุกล้ำเข้ามาในที่ของตนได้ เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยเพียงแต่กระทำการป้องกันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนตามที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้โดยทั่วๆ ไป หากแต่จำเลยมิได้ปฏิบัติการให้ครบถ้วนตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1347 เท่านั้น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2501)

5.ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยสุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/ 2507

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารที่นายช่างตรวจพบว่าไม่มั่นคงแข็งแรงหรือไม่ปลอดภัยได้ หากเจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามหรือไม่อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวแก่การก่อสร้างอาคารภายใน 15 วัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็มีอำนาจรื้อถอนอาคารนั้นได้ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 มาตรา 11 ทวิ วรรคสาม การที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรื้อถอนอาคารจึงเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 นั้น หมายถึง การกระทำแก่ตัวทรัพย์ให้เสียหายฯ เช่น รื้อถอนตึกแถวลง ย่อมเป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ ทำให้ตึกแถวถูกทำลายเสียหาย แต่เมื่อรื้อแล้วไม่นำวัตถุก่อสร้างไปมอบเจ้าของจนวัตถุก่อสร้างสูญหายไปนั้น หาใช่เป็นการกระทำแก่ตัวทรัพย์ไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2502

จำเลยเป็นพนักงานป่าไม้ บอกให้รถยนต์ซึ่งบรรทุกไม้ผิดกฎหมายหยุด รถไม่หยุด จำเลยจึงยิงยางที่ล้อรถเพื่อให้รถหยุดจะได้จับคนและไม้ผิดกฎหมายตามอำนาจโดยใช้วิธีเท่าที่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ถ้าท่านมีปัญหาเกี่ยวกับการขับรถปาดหน้ากันก็ไม่ควรจะขับรถของท่านไปชนกับรถของผู้อื่น ควรจะถ่ายคลิปไว้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ที่เกิดเหตุดีกว่าตัดสินด้วยตนเองโดยใช้ศาลเตี้ยนะครับ

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2