FlowAccount โปรแกรมบัญชีรายย่อย

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

อีกหนึ่งธุรกิจสตาร์ทอัพที่เริ่มต้นจากความต้องการแก้ไขปัญหาความซับซ้อนยุ่งยากของการทำบัญชีให้กับธุรกิจส่วนตัว พร้อมตัดสินใจไปเรียนรู้ด้านระบบบัญชีต่างๆ เพิ่ม เพื่อนำมาพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นโปรแกรมบัญชี ภายใต้ชื่อ “FlowAccount” และเข้าร่วมโครงการ “เอไอเอส เดอะ สตาร์ทอัพ” และคว้ารางวัลชนะเลิศในที่สุด

กฤษฎา ชุตินธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท FlowAccount ผู้พัฒนาและให้บริการแอพพลิเคชั่นการจัดการระบบบัญชี FlowAccount เล่าว่า ก่อนจะมาเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว เขาเคยเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ด้านซื้อมาขายไป (เทรดดิ้ง) สินค้าจากเมืองจีนเข้ามาทำตลาดในไทยมาก่อน

เมื่อทำธุรกิจไปได้สักระยะ เริ่มรู้สึกว่าการจัดทำบัญชีสินค้ามีความยุ่งยาก จึงตัดสินใจไปหาความรู้เพิ่มเติม พร้อมตัดสินใจพัฒนาโปรแกรมบัญชีขึ้นมาเอง เพื่อเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้ธุรกิจ พร้อมกับเริ่มมองเห็นโอกาสทางตลาด ที่เชื่อว่าเอสเอ็มอีในบ้านเรา โดยเฉพาะกลุ่มผู้เริ่มต้นกิจการก็น่าจะมีปัญหาคล้ายๆ กันแบบนี้ พร้อมลองหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปสู่เชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปีก่อน และเริ่มทดลองทำตลาดไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

“การทำบัญชีของธุรกิจเอสเอ็มอีน่าจะเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ยังไม่มีโปรแกรมดีๆ เข้าใจง่ายๆ มาช่วยแก้ไข ซึ่งเรามองเห็นว่าจุดนี้เป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เอสเอ็มอีไทยขยายตัวมากขึ้น” กฤษฎา กล่าว

สำหรับจุดเด่นธุรกิจ FlowAccount คือ เกิดจากการพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาเพื่อใช้เองก่อน ซึ่งถือว่าเป็นความต้องการใช้งานของคนในประเทศ (โลคัล) จริงๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เริ่มต้นทำธุรกิจหรือกิจการใหม่ได้ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ที่ยังสอดคล้องกับรูปแบบธุรกิจ (บิซิเนส โมเดล) ในปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยีเชื่อมถึงกัน มีการจัดเก็บสำรองข้อมูลบนคลาวด์ เป็นต้น

กฤษฎา เสริมต่อในส่วนของโปรแกรมที่พัฒนาพร้อมทำตลาดในระยะ (เฟส) แรก ประกอบด้วย ระบบการเปิดบิลทั้งหมด ใบกำกับภาษี ใบวางบิล การจัดทำบัญชี งบดุล เป็นต้น พร้อมกับอยู่ระหว่างพัฒนาระบบการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (สต๊อก) การเบิกจ่ายเงินเดือน (เพย์โรลล์) การจัดทำบัญชีแยกประเภทต่างๆ ออกมาเสริมได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้

ส่วนรูปแบบการใช้บริการ FlowAccount จะคิดค่าบริการอัตราเดียวอยู่ที่ 990 บาท/ปี/ราย จับกลุ่มเป้าหมายหลัก เอสเอ็มอีหรือผู้ประกอบการธุรกิจรายเล็กที่เริ่มต้นกิจการตั้งแต่ 1-5 คน อาทิ ธุรกิจบริการ ค้าปลีกรายย่อย ไปจนถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระ อย่างช่างภาพ นักออกแบบ (ดีไซเนอร์) สถาปนิก เทรดดิ้ง ฯลฯ

และด้วยความที่เป็นธุรกิจเทคโนโลยีของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในช่วงแรกบริษัทจะใช้เครื่องมือการตลาดสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ช่องทางดังกล่าวเช่นกัน รวมถึงการเข้าร่วมโครงการ เอไอเอส เดอะ สตาร์ทอัพ 2015 ที่มองว่ามีส่วนช่วยพัฒนาธุรกิจแบบรอบด้าน โดยเฉพาะการเปิดโอกาสการทำตลาดในต่างประเทศ ร่วมกับพันธมิตรผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ของกลุ่มสิงเทลได้ในอนาคต

ปัจจุบัน มีโอเปอเรเตอร์จาก 6 ประเทศสมาชิกในกลุ่มสิงเทล ประกอบด้วย สิงเทล ประเทศสิงคโปร์ ออปตัส ประเทศออสเตรเลีย เอไอเอส ประเทศไทย แอร์เทล ประเทศอินเดียและแอฟริกา โกลบ เทเลคอม ประเทศฟิลิปปินส์ และเทลคอมเซล ประเทศอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ บริษัทมีฐานผู้ใช้บริการโปรแกรม FlowAccount อยู่ที่ 1,000 ราย ซึ่งมองว่ายังมีโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอยู่มาก จากฐานของเอสเอ็มอีในไทยซึ่งมีอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านรายทั่วประเทศ ขณะที่ปัจจุบันเอไอเอสมีจำนวนลูกค้ากลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วประเทศราว 8.7 หมื่นบริษัท หรือมีลูกค้าใช้งานราว 2.5 แสนเลขหมาย

พร้อมกันนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาฟีเจอร์การใช้งานสำหรับการจัดทำบัญชีในระดับองค์กร เพื่อขยายฐานกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ๆ ในอนาคต เช่น สำนักงานบัญชีต่างๆ ด้วย คาดพร้อมเปิดตัวราวไตรมาส 2 ปีหน้า รวมถึงการพัฒนาคอนเทนต์ที่มีความเป็นสากลเพื่อขยายการทำตลาดได้ในต่างประเทศด้วย

ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจดิจิทัลที่เริ่มต้นจากต้นตอปัญหา ที่นำมาต่อยอดพร้อมสร้างเป็นกิจการใหม่ และสามารถขยายผลเพื่อทำตลาดเชิงพาณิชย์ได้ทั้งในและต่างประเทศหากเจอพันธมิตรทางธุรกิจที่ลงตัว