หวั่นฟองสบู่อี-คอมเมิร์ซ แนะทางรอดเถ้าแก่ใหม่
ทิศทางการแข่งขัน นับวันสินค้าจะใช้สงครามราคากระตุ้นยอดขาย ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทัน เร่งสร้างความแตกต่าง
โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย
การทำธุรกิจออนไลน์แฟรนไชส์ และธุรกิจเอสเอ็มอี ยิ่งนับวันธุรกิจเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งจากผู้ประกอบการจากต่างประเทศและภายในประเทศ ที่ต้องการจะเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง หากจะประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ สร้างเม็ดเงินให้เพิ่มขึ้น ยุคนี้ต้องใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการทำตลาด
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการบริหาร ผู้ก่อตั้ง Tarad.com และ Efrastructure Group เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเกิดภาวะฟองสบู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทยแล้ว ซึ่งหากภาพรวมการแข่งขันของไทยยังคงใช้กลยุทธ์ราคา ลด แลก แจก แถม กันอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในปี 2560 อี-คอมเมิร์ซในไทยจะเริ่มล้มหายตายไป ทั้งผู้ประกอบการจากต่างประเทศและรายย่อยในสัดส่วนถึง 10% จากมูลค่าตลาดธุรกิจค้าปลีกผ่านทางออนไลน์ปัจจุบัน 1.8 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในจีนที่เกิดฟองสบู่และผู้ประกอบการหายไปจากตลาดร่วม 30% ในปีนี้
ทั้งนี้ การจะทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซให้ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการต้องดำเนินการภายใต้ 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.การวิเคราะห์ตลาด (Analysis Market) ว่าตลาดในภาพรวมเป็นอย่างไร 2.ฟังเสียงผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย (Listening Insight) เพื่อหาความต้องการที่แท้จริง 3.ลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ (Action) 4.ต้องอยู่ในกระแสและไม่ล้าหลัง (Real-time Trends) และ 5.การประเมินผลต้องถูกต้อง สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกิจกรรม (Measurement)
“การค้าขายบนโลกออนไลน์จากนี้ไป ผู้ประกอบการต้องเจาะตลาดนิชมาร์เก็ตหรือขายสินค้าเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย มากกว่าจะเป็นลักษณะของการหว่านแหหรือขายสินค้าทุกประเภท อีกทั้งยังต้องเชื่อมโยงประสบการณ์ของผู้บริโภคจากทั้งหน้าร้านจริง เว็บไซต์ บนหน้าจอสมาร์ทโฟน และแอพพลิเคชั่น เพื่อดึงดูดและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า หรือเป็นการเชื่อมโยงช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ ทำให้สามารถโต้ตอบลูกค้าได้ทุกความต้องการ ทุกที่ ทุกเวลา”
ด้าน มณฑล มังกรกาญจน์ ผู้อำนวยการธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตในการหาข้อมูลและอ่านรีวิวสินค้าก่อนซื้อ จะมียอดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าในร้านเพิ่มขึ้นมีสัดส่วนถึง 82% และจำนวนนักช็อป 61% ยินดีซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ นอกจากนี้พบว่าผู้บริโภค 80% รู้สึกถูกโน้มน้าวและกระตุ้นให้ซื้อสินค้าจากภาพและการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่สวยงามสะดุดตา
สำหรับหนึ่งในกลยุทธ์ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านก็คือ การจัดดิสเพลย์หน้าร้านให้มีความน่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถทำได้ตั้งแต่การใช้หน้าจอทีวีมาโฆษณาประชาสัมพันธ์หน้าร้าน ติดตั้งจอตามชั้นวางสินค้า และการใช้หน้าจอสั่งเมนูอาหาร ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวทีวีรุ่น SMART Signage TV เป็นรุ่นที่สามารถออกแบบเมนูอาหารได้เอง และโชว์ภาพในขณะทีวีกำลังเผยแพร่ ช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านเพิ่มมากขึ้นจากการเห็นเมนูอาหาร
ในส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์ในไทย ปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจกว่า 9 หมื่นราย และเกิดใหม่วันละ 20 แห่ง โดยในปี 2560 คาดว่าจะมีผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มเป็น 850 บริษัท และตลาดแฟรนไชส์มูลค่า 2 แสนล้านบาท ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความแตกต่าง
ชัยยุทธ วชิรโรจน์ไพศาล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com กล่าวว่า กลยุทธ์หลักการทำแฟรนไชส์ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่การมีหน้าร้านอีกต่อไป แต่ต้องใช้สื่อหน้าร้านยุคใหม่ อาทิ การมีจอทีวีเพื่อสร้างประสบการณ์ดีๆให้กับลูกค้า จุดสัมผัสของลูกค้า ที่ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเพื่อการทำตลาด อาทิ การใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคใหม่ๆ โดยเทรนด์ธุรกิจ
แฟรนไชส์ในปีหน้าธุรกิจที่มาแรงยังคงเป็นอาหาร ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สัดส่วน 21.6% ตามด้วยธุรกิจเครื่องดื่มไอศกรีม สัดส่วน 20.27%
รภัสสิทธิ์ เรืองรุ่งธนสาร ผู้จัดการทั่วไป Thaiware.com กล่าวว่า หากผู้ประกอบการต้องการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การขายสินค้าหรือบริการเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เพราะประสบการณ์ของลูกค้าตั้งแต่รู้จักสินค้า จนถึงบริการหลังการขาย จะเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจซื้อ ในขณะที่ซอฟต์แวร์จะเป็นเครื่องมื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า
“วิธีการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ ต้องเลือกให้ถูกต้องตามความต้องการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนผลิต การตลาด ปัจจุบันการใช้ซอฟต์แวร์องค์กรใหญ่ให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจพบว่า โรงพยาบาลใช้ซอฟต์แวร์ถึง 99.96% ตามด้วยผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม ข้อมูลข่าวสาร 96.13% ขณะที่ธุรกิจอาหารหรือผู้ดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอีใช้เพียงกว่า 20% เท่านั้น”
แนวโน้มคนไทยที่หันมาทำธุรกิจของตัวเองมากขึ้น และเริ่มมีอายุน้อยลง 20-25 ปี ขณะที่ทิศทางการแข่งขัน นับวันสินค้าจะใช้สงครามราคากระตุ้นยอดขาย ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทัน เร่งสร้างความแตกต่าง เทคโนโลยีถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ ช่วยสร้างรายได้และทำให้ธุรกิจก้าวไกลทันกับโลกยุคดิจิทัล


