posttoday

การเก็บเงินค่าผ่านทางบนทางภาระจำยอม

25 มิถุนายน 2558

มีกลุ่มผู้อยู่อาศัยในโครงการศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ได้มาสอบถามเกี่ยวกับกรณีเจ้าของโครงการศูนย์การค้าได้ขายกิจการศูนย์การค้าให้กับเจ้าของคนใหม่ หลังจากนั้นเจ้าของศูนย์การค้าคนใหม่ได้นำป้อมยามมาตั้งกลางถนนซึ่งเป็นทางภาระจำยอม ซึ่งจดให้ไว้กับเจ้าของสามยทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ผู้อยู่อาศัยถามว่าเขาทำได้หรือไม่

มีกลุ่มผู้อยู่อาศัยในโครงการศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ได้มาสอบถามเกี่ยวกับกรณีเจ้าของโครงการศูนย์การค้าได้ขายกิจการศูนย์การค้าให้กับเจ้าของคนใหม่ หลังจากนั้นเจ้าของศูนย์การค้าคนใหม่ได้นำป้อมยามมาตั้งกลางถนนซึ่งเป็นทางภาระจำยอม ซึ่งจดให้ไว้กับเจ้าของสามยทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน ผู้อยู่อาศัยถามว่าเขาทำได้หรือไม่

ทนายคลายทุกข์ขอให้คำแนะนำทางด้านกฎหมายว่า เจ้าของโครงการไม่สามารถกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไป หรือทำให้เสื่อมความสะดวกในการใช้ภาระจำยอมได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1390 และถึงแม้จะเปลี่ยนเจ้าของหรือเปลี่ยนกรรมสิทธิ์จากเจ้าของเดิมมาเป็นเจ้าของคนใหม่ ภาระจำยอมก็ยังคงติดไปเพื่อประโยชน์ของเจ้าของสามยทรัพย์ตลอดไป เจ้าของภาระจำยอมคนใหม่ไม่อาจไปตั้งป้อมเก็บเงินหาประโยชน์ได้ หากไม่ยอมรื้อถอนหรือมีการข่มขู่บังคับให้ผู้อยู่อาศัยเสียเงินค่าผ่านทาง นอกจากจะเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้อยู่อาศัยแล้ว อาจมีความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 ได้ แนะนำให้ผู้อยู่อาศัยรวมตัวกันไปฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลฐานละเมิด และคดีอาญาในข้อหากรรโชกต่อไป

ตัวอย่างคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีภาระจำยอมที่ผ่านมา

1.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2549

จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลูกเพิงบนถนนพิพาท และจำเลยที่ 2 เป็นผู้นำสิ่งของต่างๆ จำพวกยางรถยนต์และเศษไม้มาวางบนถนนพิพาท ซึ่งเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการขัดขวางมิให้โจทก์และบริวารของโจทก์ได้รับความสะดวกในการใช้ถนนพิพาท ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไป หรือขาดความสะดวกแก่โจทก์แล้วโจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ แม้โจทก์หรือบริวารของโจทก์สร้างราวตากผ้าในถนนพิพาทด้วย ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดไม่ ทั้งการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพราะจำเลยทั้งสองทำให้ประโยชน์แห่งถนนพิพาทซึ่งเป็นทางภาระจำยอมลดไป หรือขาดความสะดวกแก่โจทก์ จึงเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต

แม้จำเลยทั้งสองปลูกสร้างเพิงและวางสิ่งของจำพวกยางรถยนต์และเศษไม้จำนวนมากบนถนนพิพาทตั้งแต่ปี 2533 คิดถึงวันที่ 30 ต.ค. 2540 อันเป็นวันฟ้องเกิน 1 ปีแล้ว แต่เมื่อเพิงและสิ่งของต่างๆ ที่จำเลยทั้งสองกระทำขึ้นยังมีอยู่บนถนนพิพาทตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ สิทธิในการฟ้องขอให้รื้อถอนเพิงและขนย้ายสิ่งของต่างๆ ออกไปจากถนนพิพาทซึ่งเป็นทางภาระจำยอมจึงยังคงมีอยู่ตลอดไป คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

2.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2543

ปัญหาว่าโจทก์ที่ 4 และที่ 5 ซึ่งขายที่ดินส่วนที่เหลือจากที่ขายให้จำเลย (ซึ่งเป็นสามยทรัพย์) ให้บุคคลอื่นไปแล้ว จะมีสิทธิฟ้องจำเลยบังคับเรื่องภาระจำยอมได้หรือไม่ เป็นปัญหาอำนาจฟ้อง แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ แต่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงวินิจฉัยให้เมื่อได้ความว่าโจทก์ที่ 4 และที่ 5 เป็นคู่สัญญากับจำเลยตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายและบันทึก ซึ่งกำหนดให้จำเลยจดทะเบียนภาระจำยอมให้แก่ที่ดินของโจทก์ที่ 4 และที่ 5 โจทก์ที่ 4 และที่ 5 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเพื่อบังคับสิทธิตามสัญญาและบันทึกดังกล่าวได้

จำเลยทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากโจทก์ทั้งห้า โดยมีข้อตกลงว่าจะจดทะเบียนภาระจำยอมให้แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งห้าในส่วนที่เหลือจากการขาย ต่อมาจำเลยจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว แต่ยังไม่จดทะเบียนภาระจำยอม แต่ได้ทำหนังสือยืนยันว่าจะจดทะเบียนภาระจำยอมให้โจทก์ทั้งห้าภายหลัง จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ที่ดินของจำเลยจึงตกอยู่ในภาระจำยอมของที่ดินโจทก์ทั้งห้า

3.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2552

ป.พ.พ. มาตรา 1387 บัญญัติให้ภาระจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่จะฟ้องบังคับภาระจำยอมจึงต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น โจทก์ที่ 2 เป็นเพียงผู้ดำเนินกิจการโรงเรียนซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินของโจทก์ที่ 1 จึงไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้เปิดทางภาระจำยอม

4.คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8727/2544

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้นำโครงเหล็กที่จำเลยวางขายสินค้าออกไปจากทางพิพาท โดยอ้างว่าทางพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การยอมรับว่าทางพิพาทเป็นที่ดินของโจทก์ ไม่ได้ยืนยันว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ เพียงแต่ให้การว่าทางพิพาทเป็นเสมือนทางสาธารณะ การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือไม่ จึงเป็นการไม่ชอบ แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวก็ถือว่าเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาจำเลยในข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยนำโครงเหล็กของจำเลยออกไปจากทางพิพาทเท่านั้น มิได้ห้ามจำเลยใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะ จึงถือว่าจำเลยมิได้ถูกโต้แย้งสิทธิเรื่องการใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ให้โจทก์จดทะเบียนภาระจำยอมพื้นที่พิพาทให้เป็นที่วางสินค้าของจำเลย จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องแย้งในส่วนนี้

ภาระจำยอมเป็นทรัพยสิทธิที่กฎหมายก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นอันเรียกว่าสามยทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงจะรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของอาคารตึกแถวซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่อยู่ติดทางพิพาท แต่การที่จำเลยใช้ทางพิพาทวางสินค้าเพื่อจำหน่ายในกิจการค้าของจำเลย เป็นการใช้ทางพิพาทเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยโดยเฉพาะ มิได้เกี่ยวกับประโยชน์ของอสังหาริมทรัพย์ที่จำเลยเป็นเจ้าของ ดังนั้น ภาระจำยอมจึงไม่อาจเกิดมีขึ้นได้ จำเลยไม่ได้ภาระจำยอมในทางพิพาท

ตามกฎหมาย เจ้าของทางภาระจำยอมต้องยอมรับกรรมบางอย่างเพื่อประโยชน์แก่อสังหา ริมทรัพย์อื่นตลอดไปนะครับ

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"