ตราดจับมือกัมพูชา-เวียดนาม พัฒนาท่องเที่ยวทางทะเล

โดย...จักรกฤชณ์ แววคล้ายหงษ์

ชายแดนภาคตะวันออก ด้าน จ.ตราด ซึ่งติดต่อกับจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ใช่เพียงพื้นที่ซึ่งกำลังจะเป็นเขตลงทุนด้านการค้า การขนส่ง และอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางทะเลเชื่อมโยงไปยังประเทศกัมพูชา และเวียดนามอีกด้วย ล่าสุด จ.ตราด ได้เชิญผู้ประกอบการจาก 6 จังหวัดในประเทศกัมพูชา ประกอบด้วยเกาะกง สีหนุวิลล์ พระตะบอง โพธิสัต กัมปอท และกรุงแกป รวมทั้งผู้แทนจากจังหวัดเกียนยาง ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลเชื่อมโยงกันร่วมสัมมนากันที่ จ.ตราด รวมทั้งการศึกษาดูงานในพื้นที่เพื่อความร่วมมือต่อกันในอนาคต

ว่าที่เรือตรีสมศักดิ์ พรมดำ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดตราด ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการสัมมนาและศึกษาดูงานเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) บอกว่า การสัมมนาครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่คณะของรองผู้ว่าราชการจังหวัดตราดเดินทางไปเยี่ยม 4 จังหวัดชายทะเลของประเทศกัมพูชา เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้มีความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการคมนาคมขนส่ง เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวระหว่างกันใน 5 จังหวัด ทำให้วันนี้มีการสัมมนาและแลกเปลี่ยนการเดินทางมาที่ จ.ตราด และมีจังหวัดพระตะบอง โพธิสัต และเกียนยาง มาร่วมด้วยเป็น 8 จังหวัด  ซึ่งทั้งหมดจะเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.ตราด ทั้งบนเกาะช้างและบนฝั่ง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างภาคเอกชนของทั้งสามประเทศ ในขณะนี้ก็มีการทำธุรกิจและร่วมลงทุนกันแล้ว

ด้าน เตชิต อัศวโภคิน ผู้ประกอบการจาก อ.บ่อไร่ จ.ตราด กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้เกิดประโยชน์มากเนื่องจากปัจจุบันนักธุรกิจใน อ.บ่อไร่ ได้ทำการค้าขายกับทางอำเภอสัมรูด  จังหวัดพระตะบองของกัมพูชาอยู่แล้ว แต่ช่องทางการค้า อ.บ่อไร่ ยังเป็นจุดผ่อนปรนเปิดใหม่ ทำให้การค้าและการท่องเที่ยวยังไม่สามารถทำได้เต็มรูปแบบนัก การสัมมนาครั้งนี้จะทำให้สามารถรับรู้ถึงความต้องการของภาคเอกชนในจังหวัดพระตะบองได้ และร่วมมือในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว เพราะชาวพระตะบองต้องการมาเที่ยวทะเลใน จ.ตราด ชาวตราดก็สามารถเดินทางจากพระตะบองสู่เสียมราฐได้สะดวกเช่นกัน

ขณะที่ ณรงค์ ธีรจันทรางกูร ผวจ.ตราด กล่าวว่า การมาร่วมสัมมนากันครั้งนี้จะทำให้สามารถร่วมในการพัฒนา และร่วมลงทุนส่งเสริมในเรื่องการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกันทั้งแปดจังหวัดที่มีศักยภาพในการทำธุรกิจร่วมกันให้เกิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น แม้ที่ผ่านมา
จะมีการร่วมมือและเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันแล้ว แต่ในการหารือแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เหมาะสมกับโอกาสที่ประเทศทั้งสามกำลังก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และ จ.ตราด มีเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เป็นเรื่องการขนส่ง สามารถพัฒนาไปพร้อมๆ กันได้