เมเจอร์ส่งควอเธียร์ ซีนีอาร์ทรุกโรงหนังหรู
เมเจอร์ส่ง “ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต” สู้ศึกโรงหนังหรู ลั่นอีก 5 ปีเปิดครบ 1,000 โรง กวาดรายได้ 2 หมื่นล้านบาท
เมเจอร์ส่ง “ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต” สู้ศึกโรงหนังหรู ลั่นอีก 5 ปีเปิดครบ 1,000 โรง กวาดรายได้ 2 หมื่นล้านบาท
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ลงทุนก่อสร้างโรงภาพยนตร์ “ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต (Quartier CineArt)” ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 4 ของศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ บนพื้นที่กว่า 6,500 ตร.ม. จำนวน 8 โรงภาพยนตร์ รวม 1,440 ที่นั่ง ขณะนี้การก่อสร้างได้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ในราคาตั๋วเริ่มต้นที่ 200 -1,800 บาท
ทั้งนี้ จุดเด่นของโรงภาพยนตร์ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต ที่แตกต่างไปจากภาพยนตร์สาขาอื่นๆ คือ จะเป็นโรงภาพยนตร์สุดล้ำเทรนด์ใหม่แห่งอนาคตที่รวบรวมเอาสุดยอดเทคโนโลยีความทันสมัยที่ผสานเข้ากับศิลปะไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ โดยในส่วนของกลุ่มเป้าหมายหลักสาขาดังกล่าวจะเน้นไปที่ระดับบีบวกขึ้นไป และเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบโรงภาพยนตร์เทคโนโลยีแห่งอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีการเสริมความแข็งแกร่งให้กับโรงภาพยนตร์ ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต ด้วยการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยจำนวน 4 ราย ในรุปแบบของเนมมิ่งสปอนเซอร์ ประกอบด้วย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุนโรงภาพยนตร์ในชื่อ TRUE Screen X, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย สนับสนุนโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์ ในชื่อ Toyota IMAX, บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ สนับสนุนโรงภาพยนตร์ในชื่อ AEON Theatre@Quartier และ ธนาคารไทยพาณิชย์ สนับสนุนโรงภาพยนตร์ในชื่อ SCB First Screen ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เม.ย.คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5-6 ปี
นายวิชา กล่าวว่า โรงภาพยนตร์ ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต ถือเป็นหนึ่งในสาขาที่เดินไปตามแผน 5 ปีที่ได้วางไว้ว่าจะมีจำนวนโรงภาพยนตร์ให้ครบ 1,000 โรง แบ่งเป็น ในประเทศ 900 โรง และในกลุ่มประเทศอาเซียน 100 โรง ซึ่งนอกจากจะขยายธุรกิจในประเทศอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังจะเดินหน้าขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านควบคู่ไปด้วย ซึ่งในปีนี้จะเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศลาว หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชามาแล้ว ส่วนประเทศพม่า และเวียดนาม และนี้อยู่ระหว่างการการศึกษา ซึ่งหลังจากครบกำหนดแผน 5 ปี หรือประมาณปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท


