ถูกอายัดเงินเดือน

มีคำถามมาว่า หากมีหนังสือจากกรมบังคับคดีสั่งอายัดเงินเดือนจะทำอย่างไรดี

ต้องขออธิบายเพิ่มเติมนิดหนึ่งว่า การที่ลูกหนี้จะได้หนังสือคำสั่งอายัดเงินเดือน หมายความว่า ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว แต่ลูกหนี้ไม่ชำระตามกำหนดเวลา เจ้าหนี้จึงร้องขอต่อศาลให้ดำเนินการบังคับคดี ยึดทรัพย์สินของลูกจ้างเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้คืนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร หรือถ้าไม่มีทรัพย์สินก็มีคำสั่งอายัดเงินเดือนเพื่อนำมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้

แต่ลูกหนี้ที่ได้รับหนังสือคำสั่งอายัดเงินเดือนอย่าเพิ่งตกใจ กรมบังคับคดีไม่ได้ใจร้าย จะยึดเงินเดือนทั้งหมดเพื่อไปชำระหนี้ เพราะมีระเบียบให้อายัดเงินเดือนได้สูงสุด 30% ของเงินเดือน และมีข้อยกเว้นว่าห้ามอายัดเงินเดือน 1 หมื่นบาทแรก เพื่อให้ลูกหนี้มีเงินดำรงชีพอยู่ได้ หมายความว่าลูกหนี้ที่มีเงินเดือน 1 หมื่นบาท เจ้าหนี้ไม่สามารถอายัดเงินเดือนได้ แต่ถ้าลูกหนี้มีเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท ก็จะถูกหักเงิน 30% ของเงินเดือน (15,000X30%) คือ เจ้าหนี้สามารถหักเงินเดือนลูกหนี้ได้ 4,500 บาทต่อเดือน และเมื่อลูกหนี้ได้รับโบนัส
เจ้าหนี้ยังสามารถอายัดโบนัสได้ 50%

สำหรับการส่งเงินอายัดนั้นเป็นหน้าที่ของนายจ้าง ไม่ใช่หน้าที่ของลูกหนี้ แต่หากนายจ้างไม่นำส่งภายใน 2 เดือนเจ้าพนักงานฯ จะมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังนายจ้าง หากยังไม่นำส่งอีก ภายใน 2 เดือน ก็จะมีหนังสือแจ้งเตือนไปอีก และหากยังไม่ส่ง เจ้าพนักงานฯ อาจรายงานศาลเพื่อเรียกนายจ้างมาไต่สวน และขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีกับนายจ้าง เสมือนเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเอง

มีคำถามต่อไปว่า ลูกหนี้สามารถ “ขอลดอายัดเงินเดือนได้ไหม” เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก ฯลฯ ถ้าถูกอายัดเงินเดือนอีก อดตายแน่ กรณีนี้ผู้ที่ถูกอายัดอาจยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ขอให้ลดการอายัดได้

ซึ่งกรมบังคับคดีมีอำนาจลดได้ “เฉพาะในส่วนของเงินเดือน” และลดได้สูงสุดเหลือเพียง 15% เท่านั้น หากต้องการลดน้อยกว่านี้ หรือต้องการให้ลดการอายัดโบนัส หรือเงินอื่นๆ ต้องไปใช้สิทธิทางศาลต่อไป แต่การขอให้อายัดเงินเดือนน้อยลง ก็ยิ่งทำให้ปลดหนี้ได้ช้าลงด้วย

อีกทางหนึ่ง คือ ต้องเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อขอลดหนี้และเจรจาผ่อนชำระหนี้