ผู้นำในบทโค้ช (4) ‘เฒ่าทารก’
“เฒ่าทารก” ท่านผู้อ่านอาจนึกถึง จิวแป๊ะทง ในเรื่องมังกรหยก อย่างไรก็ตามความหมายของเฒ่าทารกที่ดิฉันเอ่ยถึง เกี่ยวข้องกับการโค้ชอย่างไร มีที่มาที่ไปดังนี้ค่ะ
“เฒ่าทารก” ท่านผู้อ่านอาจนึกถึง จิวแป๊ะทง ในเรื่องมังกรหยก อย่างไรก็ตามความหมายของเฒ่าทารกที่ดิฉันเอ่ยถึง เกี่ยวข้องกับการโค้ชอย่างไร มีที่มาที่ไปดังนี้ค่ะ
วันหนึ่ง ระหว่างการอบรมผู้บริหาร มีคำถามว่า :
ผู้บริหาร : “อาจารย์ครับ ทำไมสอนลูกน้องไปแล้ว แต่เขายังทำผิดอยู่ ทั้งบอกทั้งสอน ผมใช้ทุกกระบวนท่าแล้วก็ยังไม่สำเร็จ”
ดิฉัน : “เข้าใจเลยค่ะท่านจอมยุทธ์ แล้วรู้สึกยังไงคะ”
ผู้บริหาร : “เหนื่อยครับ ใช้กำลังภายในทั้งหมด ยังไม่ได้ผล”
ดิฉัน : “อะไรทำให้เหนื่อยเป็นพิเศษคะ”
ผู้บริหาร : “ก็ต้องพูดแล้วพูดอีก พูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว องค์กรบอกว่า ผมจะเป็นผู้นำที่ดี ต้องเป็นผู้เฒ่าที่ถ่ายทอดวิชาได้ดีก่อนจะเกษียณไป ผมก็ทำแล้ว แต่ผมว่าเสียเวลา”
ดิฉัน : “แต่ละครั้งที่ถ่ายทอดวิทยายุทธ คุณพูดประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วลูกน้องพูดกี่เปอร์เซ็นต์”
ผู้บริหาร : “ผมพูด 85% เขาพูดสัก 15%”
ดิฉัน : “และคุณบอกว่าผลคือ เขาไม่จำ คุณเหนื่อย แล้วสิ่งที่คุณอยากให้เกิดขึ้นในการถ่ายทอดวิทยายุทธครั้งหน้าเป็นอย่างไร”
ผู้บริหาร : (หยุดคิดสักพัก) “ให้เขาพูดมากขึ้นดีไหม งั้นผมควรถามอย่างไรให้เกิดผล”
ก่อนจะถาม โค้ชควรปรับทัศนคติก่อน คำถามแบบโค้ชไม่ใช่การถามเองตอบเอง ไม่ใช่ถามเพื่อโค้ชจะได้พูดน้อยลง ไม่ใช่ถามนำและครอบงำ ไม่ใช่การถามเพื่อแสดงว่าโค้ชถามได้สุดยอดไร้เทียมทาน คำถามโค้ชมีความใส่ใจ อยากรู้อยากเห็นคล้ายๆ เด็กทารก เด็กทารกยังไม่รู้จักโลกดี ยังไม่มีข้อมูลใด เด็กจึงพยายามทำความเข้าใจ ค้นหา และเมื่อยังไม่มีคำตอบ จึงไม่คิดล่วงหน้า ไม่สรุปไปก่อน
คำถามแบบโค้ช คือ คำถามที่ช่วยให้โค้ชชี่ได้คิด ได้สำรวจตนเอง สิ่งที่รู้ สิ่งที่ไม่รู้ สิ่งที่ไม่เชี่ยวชาญ สิ่งที่เป็นจุดแข็งเพื่อนำมาส่งเสริมการเรียนรู้ของตน หรือแม้แต่ความเชื่อของตนเอง เป็นต้น
ดังนั้น คำถามที่ว่า แล้วจะถามอย่างไรให้เกิดผล เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของโค้ชชี่มากที่สุด โค้ชจึงต้องลองฝึกเป็นเฒ่าทารกดูก่อนนะคะ


