เบทาโกรโหมตลาดส่งออกเพื่อนบ้าน

เบทาโกรเร่งเครื่องลุยส่งออก บุกหนักเพื่อนบ้านหลังปักธงตั้งโรงงานอาหารสัตว์ในกัมพูชา

นายอรรถพล อุไรไพรวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการตลาดองค์กร บริษัท เบทาโกร เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2558 บริษัทจะหันมาทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะกัมพูชา ลาว และพม่า เพราะหลังจากเข้าไปทดลองทำตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าในแต่ละประเทศให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้เข้าไปลงทุนตั้งโรงงานอาหารสัตว์ในประเทศกัมพูชา โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมผลิตสินค้าได้ในช่วงกลางปี 2558 อีกทั้งยังมีแผนก่อสร้างโรงงานอาหารสัตว์ในประเทศลาว เพื่อรองรับการขยายตลาดประเทศเพื่อนบ้านด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปในกลุ่มประเทศยุโรปและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นตลาดหลักในการสร้างรายได้ ส่วนตลาดรองอย่างมาเลเซีย บรูไน และแคนาดา ก็จะให้ความสำคัญด้วยการขยายตลอดส่งออกอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลทำให้บริษัทสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากการส่งออกไปตลาดหลักอย่างยุโรป ที่ยังคงมีสัดส่วนรายได้มากถึง 50% จากรายได้การส่งออกทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปมากนัก

“แม้เศรษฐกิจในยุโรปยังมีปัญหา แต่ราคาสินค้าเนื้อสัตว์อย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ปลา และหมู ยังมีราคาสูงอยู่ เชื่อว่าอัตราการบริโภคเนื้อไก่จะมีความต้องการมากขึ้น เพราะเป็นเนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีนราคาถูกที่สุดแล้ว” นายอรรถพล กล่าว

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในประเทศนับจากนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการทำตลาดแบรนด์ เบทาโกร เหมือนกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าบีทูบี (ลูกค้าองค์กร) เป็นหลัก ส่วนลูกค้าบีทูซี (ลูกค้าทั่วไป) บริษัทจะใช้แบรนด์เอสเพียวเป็นตัวทำตลาด

ปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักมาจากการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของบีทูบีมากกว่า 90% ส่วนที่เหลืออีกเกือบ 10% จะเป็นรายได้จากบีทูซี ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายฐานลูกค้าแบรนด์เอสเพียว ควบคู่ไปกับแบรนด์ เบทาโกร คาดว่าในอีก 5 ปีนับจากนี้สัดส่วนรายได้ที่มาจากกลุ่มลูกค้า
บีทูซีจะเพิ่มเป็น 20%

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า หลังจากทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องในปี 2557 ด้วยงบการตลาด 120 ล้านบาท คาดว่ารายได้สิ้นปี 2557 จะสามารถปิดได้ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 20% และยอดขายในประเทศ 80%