ทหารเต็งจ๋า ผอ.กองสลากคุมอีกบอร์ดรัฐวิสาหกิจ

โดย...ทีมข่าวการเงินโพสต์ทูเดย์

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ประกาศรายชื่อบุคคลที่มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ในตำแหน่งผู้อำนวยการสลากฯ คนใหม่แล้วเมื่อวันที่ 16 ก.ค. โดยคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ที่มี จรินทร์ จักกะพาก เป็นประธานสรรหานั้น ได้ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ที่เข้ารับสมัครมีผู้ที่ผ่านคัดเลือกแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย 1.พล.ท.พิชิต บุญญาธิการ 2.พ.อ.โฆษิต พัชรครุกานนท์ 3.ร.ต.กิตตินันท์ ยะตินันท์ และ 4.ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นผู้อำนวยการคนใหม่นั้น คาดว่าน่าจะเป็น พล.ท.พิชิต เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูว่าทหารต้องการส่งคนของตัวเองมานั่งที่กองสลาก โดย พล.ท.พิชิต ยังเป็น นายทหารจากกองทัพบกและเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.ท.พิชิต เพิ่งได้รับการเลื่อนยศจาก พลตรีมาเป็นพลโท เมื่อเดือน เม.ย. 2557 ในขณะที่คณะกรรมการกองสลากยังมี พล.ต.สราวุธ กาพย์เดโช ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนด้วย

ส่วนประวัติผู้สมัครอีก 3 คน คือ พ.อ.โฆษิต นั้นเคยสมัครในตำแหน่งนี้แล้ว 2 ครั้ง ด้าน ร.ต.กิตตินันท์ เป็นอดีตผู้อำนวยการตำรวจ ขณะที่ ทรงวุฒิ เป็นผู้อำนวยการบริหารจัดการความเสี่ยงมหาวิทยาลัยมหิดล ในอดีตเคยเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ โดยก่อนหน้านี้มี ผู้ยื่นสมัคร 6 คน แต่ผ่านคุณสมบัติ 4 คนเท่านั้น

ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบทั้ง 4 ราย จะต้องเข้ามารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ รวมถึงแนวคิดเชิงกลยุทธ์ในการบริหารจัดการ ในวันที่ 17 ก.ค. 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ณ สำนักงานสลากฯ แต่หากพบภายหลังว่าผู้มีสิทธิรายใดขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง จะต้องถูกตัดสิทธิออกจากการพิจารณาทันที

ก่อนหน้านี้ คสช.เพิ่งมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการโรงงานยาสูบชุดใหม่ โดยให้ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เป็นประธานกรรมการอำนวยการ ซึ่ง พล.อ.วิลาศ มีตำแหน่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในฐานะ ที่ปรึกษา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.

สมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากฯ คาดว่าจะสามารถประกาศตัวผู้อำนวยการสลากฯ คนใหม่ได้ภายในเดือนนี้ และเปิดประชุมคณะกรรมการนัดแรกได้ในเดือน ส.ค. เพื่อพิจารณานโยบายเร่งด่วนที่ คสช.มอบหมายให้ดูแลราคาสลากไม่ให้เกิน 80 บาท

“ผอ.สลากฯ คนใหม่ต้องดำเนินการตามนโยบายที่ คสช.ให้ไว้ เรื่องการปฏิรูประบบการขายสลาก ที่ยั่งยืน ส่วนการคุมราคา 8092 บาทนั้น เป็นมาตรการชั่วคราว ยังไม่ได้มีการเข้มงวดหรือจับกุม” สมชัย กล่าว

สำหรับโควตาสลาก 4 แสนเล่ม หรือ 42 ล้านฉบับนั้น พล.อ.ฉัตรชัย พิจารณาและเห็นชอบแล้วว่าจะไม่ต่อสัญญาให้รายเดิมทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโควตารายย่อย มูลนิธิ และสมาคม โดยจะมีการหารือแนวทางจัดสรรใหม่และได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ ในหลักการจะเน้นไปที่รายใหม่มากขึ้น ส่วนรายเดิม จะต้องเป็นรายย่อยที่มีการนำสลากไปขายจริงเท่านั้น โดยจะมีการต่ออายุเป็นการชั่วคราวครั้งละ 36 งวด เพื่อรอโควตาส่วนที่เหลืออีก 30 ล้านฉบับ ที่เป็นของนิติบุคคลทยอยหมดสัญญาในช่วงปลายปีนี้กลาง ปีหน้า จนครบ 72 ล้านฉบับ เพื่อปฏิรูปการจัดสรรโควตาให้มีความยั่งยืนตามนโยบาย คสช.

“ในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกประมาณ 34 เดือน สำนักงานสลากฯ จะต้องระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่และภาควิชาการเพื่อหาแนวทางระบบการจัดสรรสลากที่มีความเหมาะสมและยั่งยืน มีเป้าหมายว่าราคาหน้าสลากกำหนดไว้เท่าใด ต้องขายให้ได้ตามนั้น” สมชัย กล่าว

ทั้งนี้ แนวทางการปฏิรูปสำนักงานสลากฯ เพื่อให้มีการขายไม่เกินราคานั้นจะกำหนดไว้หลายแนวทาง เช่น การเปลี่ยนราคาหน้าสลาก การเพิ่มส่วนแบ่งให้ ผู้ค้า การส่งรายได้เข้ารัฐลดลง หรือการลดบทบาท พ่อค้าคนกลาง รวมถึงแนวทางอื่นๆ ที่อาจต้องเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สลากฯ ในชั้นพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่วนการขายสลากออนไลน์ในขณะนี้คงไม่สามารถยืนยันได้ 100% ว่าจะเดินหน้าหรือไม่ และอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องร้องในศาลปกครอง ซึ่งหากการปรับปรุงระบบจำหน่ายเดิมทำให้ขายไม่เกินราคาได้ การขายออนไลน์ก็ยังไม่มีความจำเป็น

สมชัย กล่าวด้วยว่า ปัญหาสลากฯ เหลือค้างเต็มแผงในงวดวันที่ 16 ก.ค.นั้น เชื่อว่าไม่ได้เป็นผลมาจากนโยบายคุมราคาไม่เกิน 80 บาท เนื่องจากไม่ได้มีการเข้าไปจับกุม รวมถึงการเพิ่มจำนวนสลากอีก 2 ล้านฉบับ ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค. ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลให้สลากเหลือ เพราะเป็นจำนวนที่พิมพ์เพิ่มไม่มาก ซึ่งปัญหาน่าจะมาจากช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกมากกว่า

ด้าน ธัชพล กาญจนกูล รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส กลุ่มลงทุนและบริหารเงิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า นายสมชัยได้ขอให้ออมสินช่วยคิดแนวทางการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ค้าสลากรายย่อยที่ต้องใช้เงินประมาณ 7.5 หมื่นบาท เพื่อวางเงินเป็นค่าค้ำประกันโควตาเพื่อรับสิทธิ ในการขายสลากกับทางสำนักงานสลากฯ

ทั้งนี้ เบื้องต้นคงจะใช้แนวทางปล่อยกู้เดียวกับโครงการธนาคารประชาชน ที่ให้วงเงินสูงสุด 2 แสนล้านบาท ดอกเบี้ย 0.500.75% ต่อเดือน หรือคิดเป็น 69% ต่อปี ใช้วิธีค้ำประกันไขว้กันในกลุ่ม 35 คน และต้องใช้สิทธถือครองโควตามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วย หากไม่ชำระหนี้ธนาคารจะต้องยืดโควตาไว้ ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะหารือกับสำนักงานสลากฯ เพื่อดูว่ามีจำนวนผู้ค้าที่ต้องการสินเชื่อเท่าไร ความสามารถในการผ่อนชำระ ซึ่งต้องดูว่าผู้ค้ามีกำไรเท่าไร เพื่อนำมากำหนดดอกเบี้ยและแนวทางปล่อยกู้อีกครั้ง พร้อมทั้งจะดูว่าใช้สัญญาโควตาวางค้ำประกันได้ หรือไม่ โดยจะสรุปแนวทางทั้งหมดในเดือน ก.ค.นี้

“วงเงินปล่อยกู้คงไม่มาก ถ้าปล่อยกู้ 1 หมื่นราย จะใช้เงิน 750 ล้านบาท ถ้า 4 หมื่นราย ประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนดอกเบี้ยจะแพงกว่าหรือถูกกว่าโครงการธนาคารประชาชนนั้นต้องดูอีกที สำหรับผู้ค้ารายย่อย เช่น กลุ่มวังสะพุง หากไม่มีโควตาก็เข้าโครงการไม่ได้ เว้นแต่จะมีการหารือ ยกสิทธิในการรับโควตาจากรายใหญ่ให้รายย่อยที่อาจทำได้” ธัชพล กล่าว

รายงานจากสำนักงานสลากฯ เปิดเผยว่า ผู้ค้ารายย่อยที่มีโควตาสลากในปัจจุบันมีกว่า 3 หมื่นราย และล่าสุดที่มีการสุ่มเลือกคนพิการอีก 3,340 ราย เพื่อรับโควตาอีก 2 ล้านฉบับ ที่จะเริ่มในงวดวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าคนกลุ่มนี้น่าจะเข้ามาขอสินเชื่อจากออมสินค่อนข้างมาก