โฆษณา&ภาษี
ธุรกิจโฆษณาเป็นธุรกิจหนึ่งที่บริษัท ห้างร้าน ผู้ประกอบการ หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ใช้บริการโฆษณากันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพื่อเป็นสื่อกลางให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารหรือเชิญชวนให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการ
ธุรกิจโฆษณาเป็นธุรกิจหนึ่งที่บริษัท ห้างร้าน ผู้ประกอบการ หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ใช้บริการโฆษณากันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพื่อเป็นสื่อกลางให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารหรือเชิญชวนให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการ
การโฆษณาหรือการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทีวีนั้นจะเสียค่าใช้จ่ายมากหากโฆษณาในช่วงเวลาค่ำ แต่ก็คุ้มค่า เพราะโฆษณาออกทีวีบ่อยๆ ภาพสินค้าหรือบริการมีผลต่อยอดขายสินค้าหรือการใช้บริการ ทั้งๆ ที่สินค้าหรือบริการนั้นไม่แตกต่างจากรายอื่นเท่าใดนัก
โฆษณามีหลากหลายรูปแบบ เช่น โฆษณาผ่านสื่อทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณา เว็บไซต์ โทรศัพท์มือถือ สติกเกอร์ติดรถยนต์ ใช้คนเดินถือป้ายโฆษณา เป็นต้น
ค่าจ้างจากการรับโฆษณาเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้ว่าจ้างโฆษณาและผู้รับจ้างโฆษณา มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สรุปได้ดังนี้
l ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ผู้ว่าจ้างโฆษณาที่เป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เมื่อจ่ายเงินค่าจ้างโฆษณาให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือจ่ายเงินค่าจ้างโฆษณาให้แก่บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 2 ของเงินได้ที่จ่าย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้งนี้ ให้นำส่งภาษีตั้งแต่วันที่ 17 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่จ่ายเงินค่าจ้างโฆษณา หากสังเกตจะพบว่าผู้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายเงินค่าจ้างโฆษณาต้องเป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเท่านั้น
กรณีจ่ายเงินค่าจ้างโฆษณาให้แก่บริษัทที่อยู่ในต่างประเทศ ผู้ว่าจ้างโฆษณาไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเมื่อจ่ายเงิน
หน่วยงานรัฐหรือองค์การของรัฐจ่ายเงินค่าจ้างโฆษณาให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาทุกราย ไม่ว่าจะประกอบการในประเทศหรือนอกประเทศ ให้หักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 1
l ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาที่เป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ห้างร้าน หรือบุคคลธรรมดา หากมีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี/รอบระยะเวลาบัญชี ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อรับเงินค่าจ้างโฆษณาต้องออกใบกำกับภาษีเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีที่จัดเก็บให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) หากเป็นผู้ประกอบธุรกิจโฆษณาที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็คงออกเพียงหลักฐานการรับชำระเงินเท่านั้น
กรณีที่ได้ว่าจ้างโฆษณากับบริษัทหรือผู้ประกอบการโฆษณาที่อยู่ในต่างประเทศ หากได้นำผลของการโฆษณานั้นมาใช้ในประเทศไทย ผู้จ่ายเงินทุกรายที่จ่ายเงินค่าจ้างโฆษณาต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) โดยนำส่งภาษีตั้งแต่วันที่ 17 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่จ่ายเงินค่าจ้างโฆษณา ภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำส่งกรมสรรพากรถือเป็นภาษีชื้อของผู้ว่าจ้างโฆษณาในเดือนที่นำส่งภาษีให้กรมสรรพากร โดยใช้ใบเสร็จรับเงินที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นหลักฐานขอคืนภาษีซื้อ
ผู้ว่าจ้างโฆษณาและผู้รับจ้างโฆษณา มีหน้าที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กล่าวมาข้างต้น สวัสดีครับ


