วิกฤตชิปคัมแบ็ก! คาด 2026 ตลาดสมาร์ทโฟนจ่อหั่นสเปก ขึ้นราคายกแผง
นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์ "ตลาดสมาร์ทโฟนปี 2026" เป็นติดลบ 2.1% หลังกระแส AI แย่งทรัพยากรการผลิตชิปหน่วยความจำ ดันต้นทุนพุ่งสูง เตรียมกระทบกระเป๋าผู้บริโภคทั่วโลก
KEY
POINTS
- Counterpoint Research ปรับลดคาดการณ์ตลาดสมาร์ทโฟนปี 2026 เป็น - 2.1% พร้อมระบุว่าราคาขายต่อเครื่อง จะพุ่งขึ้น 6.9% เนื่องจากต้นทุนชิ้นส่วนที่แพงขึ้น 10-25%
- การเร่งผลิตชิปขั้นสูงเพื่อรองรับ AI ของ Nvidia ทำให้กำลังการผลิตชิปหน่วยความจำทั่วไปลดลง ส่งผลกระทบลูกโซ่ไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ตั้งแต่มือถือ ยานยนต์ EV ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า
- Apple และ Samsung มีความแข็งแกร่งพอที่จะรับมือสถานการณ์นี้ได้ แต่แบรนด์จีนอย่าง Xiaomi, Oppo และ Honor รวมถึงตลาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น (Entry-level) จะได้รับผลกระทบหนักสุดจากกำไรที่ลดลง
รายงานล่าสุดจากบริษัทวิจัยชั้นนำเผยสัญญาณเตือนภัยอุตสาหกรรมไอที เมื่อปัญหา ชิปขาดแคลน กำลังจะกลับมากดดัน ตลาดสมาร์ทโฟนปี 2026 ส่งผลให้ยอดการผลิตทั่วโลกลดลง สวนทางกับราคาขายที่จ่อพุ่งสูงขึ้นตามต้นทุน
ข้อมูลจาก Counterpoint Research บริษัทติดตามข้อมูลอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระบุว่า ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกในปี 2026 อาจปรับตัวลดลง 2.1% ซึ่งถือเป็นการปรับแนวโน้มที่ค่อนข้างรุนแรงเมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดด้วยการเติบโต 3.3%
นักวิเคราะห์ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับปี 2026 ลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่เคยประเมินว่าจะเติบโตเล็กน้อยที่ 0.45% กลายเป็นติดลบ
โดยระบุสาเหตุหลักมาจากภาวะขาดแคลนชิปหน่วยความจำ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและบีบให้ปริมาณการผลิตลดลง
ราคาสมาร์ทโฟนพุ่ง โดมิโน่เอฟเฟกต์จากยุค AI ครองเมือง
รายงานในวันอังคารระบุว่า ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของสมาร์ทโฟนทั่วโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น 6.9% ในปีหน้า ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนชิ้นส่วนโดยรวมที่เพิ่มขึ้น 10% ถึง 25%
สาเหตุของปัญหาใน ตลาดสมาร์ทโฟนปี 2026 เกิดจากการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลก ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต่างเททรัพยากรไปผลิตหน่วยความจำขั้นสูงเพื่อป้อนให้กับชิปประมวลผลของ Nvidia มากกว่าการผลิตสินค้าพื้นฐานทั่วไป
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดภาวะขาดแคลน DRAM (Dynamic Random Access Memory) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เครื่องมือแพทย์ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
ผู้ผลิตตื่นตัว จาก Xiaomi ถึง Nintendo
สัญญาณผลกระทบเริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภครายใหญ่อย่าง Xiaomi ได้เริ่มส่งสัญญาณเตือนถึงแนวโน้มการปรับราคาขึ้น
ขณะที่ Lenovo และผู้ผลิตรายอื่น เริ่มใช้กลยุทธ์กักตุนชิปหน่วยความจำเพื่อรับมือกับต้นทุนที่กำลังจะพุ่งสูงขึ้น
แม้แต่ยักษ์ใหญ่วงการเกมอย่าง Nintendo ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงมากที่สุดในเดือนธันวาคม
ท่ามกลางความกังวลว่าปัญหาชิปและต้นทุนการผลิตจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรและเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นถัดไปอย่าง Switch 2
ในสมรภูมิสมาร์ทโฟน แบรนด์จากจีนอย่าง Honor และ Oppo ถูกมองว่าเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุด เนื่องจากมีอัตรากำไร (Margin) ที่ต่ำกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น (Entry-level) ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากชิปขาดแคลนมากที่สุด
"Apple และ Samsung อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุดในการประคองตัวผ่านสถานการณ์นี้ แต่จะเป็นเรื่องยากสำหรับแบรนด์อื่นที่มีช่องว่างในการบริหารจัดการส่วนแบ่งตลาดเทียบกับกำไรไม่มากนัก เราจะเห็นผลกระทบนี้ชัดเจนขึ้นกับผู้ผลิต OEM จากจีนในปีหน้า" - Yang Wang นักวิเคราะห์อาวุโสของ Counterpoint
ทางออกของผู้ผลิต ลดสเปก หรือ เพิ่มราคาขาย?
ผลกระทบที่จะส่งถึงผู้บริโภคใน ตลาดสมาร์ทโฟนปี 2026 อาจมาในหลายรูปแบบ Counterpoint วิเคราะห์ทางออกของผู้ผลิตไว้ดังนี้
- ดันยอดสมาร์ทโฟนพรีเมียม: ผู้ผลิตจะพยายามจูงใจให้ผู้ใช้หันไปซื้อรุ่นเรือธงหรือรุ่นที่มีราคาสูง ซึ่งได้รับผลกระทบด้านกำไรน้อยกว่า
- ลดสเปกสมาร์ทโฟน: อาจมีการนำชิ้นส่วนเก่ากลับมาใช้ใหม่ หรือลดสเปกในส่วนอื่นลง เช่น คุณภาพกล้อง
- ลดหน่วยความจำ: วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่มีความจุ RAM หรือ ROM น้อยลงเพื่อคุมราคา
สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคที่วางแผนจะเปลี่ยนมือถือในปีหน้า อาจต้องเตรียมงบเพิ่มขึ้น หรือยอมรับกับสเปกเครื่องที่อาจถูกลดทอนลงตามกลไกตลาดที่เปลี่ยนไป
อ้างอิง: Bloomberg


